“สมคิด”แนะรัฐบาลรับมือเศรษฐกิจถดถอย จัดงบพยุงจ้างงาน ช่วยเหลือเอสเอ็มอี

26 ก.ค. 2565 | 07:02 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ก.ค. 2565 | 14:20 น.

“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์"เตือนรัฐบาลอย่าประมาท กำลังเผชิญพายุเศรษฐกิจโลก 3 เรื่อง “สงครามรัสเซีย-ยูเครน เศรษฐกิจสหรัฐถดถอย และ เศรษฐกิจจีน” แนะต้องเตรียมเงินรับการตกงาน ช่วยเหลือเอสเอ็มอี เลือกตั้งครั้งหน้าให้เลือกคนไปทำงานสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจได้จริง

วันนี้ (26 ก.ค.65) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษเปิดงานเสวนา “สร้างอนาคตภาคใต้” จัดโดย สมาคมสื่อมวลชนภาคใต้ 2538 (ส.ม.ต.) ที่ จ.สงขลา โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับความท้าทายของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนี้มีความไม่แน่นอนสูงมาก ผลกระทบที่เกิดกับเศรษฐกิจโลกสร้างคำถามให้คนไทยมากว่าประเทศของเราจะรับมืออย่างไร เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายที่จะรับมือในปัจจุบัน และมองอนาคตถือว่ายังประเมินได้ยากเพราะมีความไม่แน่นอนสูง กล่าวได้ว่าเป็นภาวะที่ “หนัก” และมีปัญหาที่ “ลึก” มากกว่าที่หลายฝ่ายคิดไว้ 


นายสมคิด กล่าวด้วยว่า องค์กรการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่าเศรษฐกิจโลกเผชิญความเสี่ยง 3 ด้าน ที่รวมกันเป็น Perfect Strom ทั้งจากสงครามรัสเซียและยูเครนที่ทำให้ราคาพลังงาน และราคาอาหารสูง เศรษฐกิจสหรัฐฯที่กำลังต่อสู้กับเงินเฟ้อที่ต้องรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพราะเงินเฟ้อสูงถึง 9.1% ในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะนำไปสู่เศรษฐกิจถดถอยและจะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจทั่วโลก 

นอกจากนั้น ยังมีปัญหาใหญ่ในส่วนของเศรษฐกิจจีนที่กระทบมาจากเรื่องของการล็อกดาวน์ ควบคุมโควิด-19 และภาคอสังหาริมทรัพย์ที่จีนกำลังควบคุมไม่ให้เกิดฟองสบู่ ซึ่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนก็จะกระทบกับการค้าโลกทำให้การส่งออกของไทยชะลอตัวลง รวมทั้งการท่องเที่ยวก็จะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดด้วย


“เศรษฐกิจถดถอย จะนำไปสู่ภาวะวิกฤติได้ รัฐบาลต้องไม่ประมาท เพราะแม้เราจะมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูงถึง 2.1 แสนล้านดอลลาร์ แต่ว่าเราก็มีหนี้ต่างประเทศสูงถึง 1.9 แสนล้านดอลลาร์ ถึงแม้ว่าจะเป็นหนี้ระยะยาว แต่ว่าเมื่อเกิดวิกฤติ หนี้ก็คือหนี้ 

นอกจากนั้นตอนนี้เรายังขาดดุล 2 บัญชี คือ บัญชีการคลัง ที่มีการหารายได้ไม่พอกับรายจ่ายในแต่ละปี และเรายังขาดดุลบัญชีเดินสะพัดด้วยในบางช่วง เพราะนักท่องเที่ยวยังไม่กลับมามากนัก การนำเข้าเราเจอกับปัญหาจากค่าเงินบาทอ่อน ประเทศที่มีการขาดดุลทั้งสองบัญชีแบบนี้ ก็มีความเสี่ยง หากมีปัญหาเรื่องของการเมืองทุจริตคอร์รัปชันด้วย ต่างชาติเขาก็ไม่อยากจะเข้ามาลงทุน เพราะทุกอย่างเกี่ยวข้องในภาวะแวดล้อมทั้งหมด”


นายสมคิด กล่าวด้วยว่า ในภาวะที่เศรษฐกิจจะเผชิญกับการถดถอยในช่วงเวลาข้างหน้า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องเตรียมความพร้อมและสื่อสารกับประชาชนว่ารัฐบาลจะรับมืออย่างไรไม่ให้ประชาชนตกงาน และให้ความมั่นใจได้ว่าลูกหลายในอนาคตจะมีรายได้มั่นคงไม่อดอยากได้อย่างไร 


“ผมขอฝากถึงรัฐบาล 2 เรื่อง คือ เรื่องการเตรียมพร้อมเรื่องเงิน ที่จะรองรับวิกฤติ และเรื่องของการช่วยเหลือเอสเอ็มอี”


โดยเมื่อจะเผชิญกับเศรษฐกิจถดถอย และวิกฤติเศรษฐกิจรัฐบาลต้องเตรียมเงินงบประมาณไว้ให้พร้อม ที่จะเข้ามาช่วยพยุงการจ้างงาน เพราะในอนาคตเมื่อเกิดปัญหาจะมีคนตกงานมาก โดยการเตรียมวงเงินไว้เป็นสิ่งที่จำเป็น อาจจะมาจากการเกลี่ยงบประมาณ 2566 เอาไว้ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น


ไม่ใช่มีแค่จัดงบกลางที่เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ในการอนุมัติที่มีเพียงปีละ  8-9 หมื่นล้านบาท หรืออาจเป็นการตั้งกองทุนเฉพาะกิจขึ้นโดยต้องไปดูแหล่งเงินว่าจะเอามาจากที่ใด หากจะมีการกู้เงินเพิ่มเติมก็ต้องใช้สำหรับการลงทุนที่สามารถสร้างการจ้างงานและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศได้ด้วย


นอกจากนี้อีกส่วนหนึ่งที่ต้องเตรียมมาตรการช่วยเหลือคือ “เอสเอ็มอี” ที่เป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่จะเผชิญปัญหาเมื่อเจอภาวะวิกฤติ ซึ่งต้องดูในส่วนของการเพิ่มทุนให้กับธนาคารเฉพาะกิจของรัฐให้เพียงพอ ที่จะปล่อยสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอีได้เพื่อให้ธุรกิจไม่ล้มและสามารถรักษาการจ้างงานไว้ได้


นายสมคิด ยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนเรื่องโอกาสของเศรษฐกิจในภาคใต้ต้องสนับสนุนให้เกิดการจัดงบประมาณในรูปแบบใหม่ เพื่อไปสนับสนุนการก่อสร้างถนน และโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงจังหวัดต่างๆ และแหล่งท่องเที่ยวในภาคใต้ และเป็นการจัดสรรงบแบบที่เปลี่ยนแปลงไปจากรูปแบบเดิม ที่เป็นการของบจากกระทรวงคมนาคม ให้เป็นการจัดสรรงบลงคลัสเตอร์จังหวัดภาคใต้ เวลาประชุม ครม.สัญจรเดิมก็บอกว่าให้ไปดูเรื่องความคุ้มค่าแล้วก็บอกว่ายังสร้างไม่ได้เพราะยังไม่คุ้มค่า  


ในรูปแบบใหม่สนับสนุนการให้เอกชนเข้ามาลงทุนให้มากขึ้น ต้องคิดนอกกรอบมากขึ้น ที่ผ่านมามีการของบต้องรองบประมาณจากส่วนกลางอย่างเดียวทำไมต้องทำแบบนั้น ทำไมถึงไม่ทำ หวงอำนาจกันใช่มั้ย ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน


“ฉะนั้น จะแก้ไขเรื่องนี้ต้องไปแก้ที่ข้างบน การเลือกตั้งในครั้งต่อไป ถ้าคุณจะเลือกตั้งคราวต่อไป ถ้าจะให้ลูกหลานมีอนาคตให้มีโอกาส ไม่ต้องไปจำเจรอว่าธรรมชาติจะดีหรือไม่ดี ทั้งที่สวรรค์ให้ทุกอย่างมาให้ภาคใต้ครบแล้ว คุณต้องเลือกคนที่ตั้งใจเข้าไปทำงานให้คุณ 


ผมไม่ได้บอกว่าพรรคไหน ได้ทุกพรรคแต่เอาคนที่ไปทำงานให้คุณ เป็นปากเป็นเสียงให้กับคุณได้ ต้องคิดให้ดีว่าใคร พรรคไหนจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับคุณได้ ไม่ใช่เลือกพรรคที่ไปทำสิ่งเดิมๆ ของเดิมยัง Deliver ไม่ได้เลยจะไป Deliver ของใหม่ได้อย่างไร พยายามเลือกคนที่หนุ่มสาวหน่อย ไม่ใช่คนแก่ไม่ดี แต่คนรุ่นใหม่เขามีไฟที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับท้องถิ่นต่างๆ ได้” อดีตรองนายกรัฐมนตรี ระบุ