สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 1.72 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 94.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 75 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 104.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงหลุดจากระดับ 95 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ว่า สหรัฐจะระบายน้ำมันในคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) อีก 20 ล้านบาร์เรลในมาตรการสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน และบรรเทาภาวะเงินเฟ้อในประเทศ
รายงานระบุว่า ขณะนี้รัฐบาลสหรัฐได้ระบายน้ำมันจากคลังสำรอง SPR ในปริมาณ 125 ล้านบาร์เรล โดยมีการส่งมอบน้ำมันเกือบ 70 ล้านบาร์เรลให้แก่ผู้ซื้อแล้ว
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากรายงานผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลง 2.7 จุด สู่ระดับ 95.7 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากผู้บริโภคมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ทางด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2565 และ 2566 โดยเตือนว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย ท่ามกลางความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่รุนแรงกว่าคาด รวมทั้งผลกระทบจากการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน
ทั้งนี้ IMF เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) เมื่อวานนี้ โดยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 3.2% ในปี 2565 ก่อนที่จะชะลอตัวสู่ 2.9% ในปี 2566 โดยปรับลดลง 0.4% และ 0.7% ตามลำดับจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนเม.ย.
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล คอมโมดิตี อินไซท์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 800,000 บาร์เรล ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ก.ค. ขณะเดียวกันคาดว่าสต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 200,000 บาร์เรล