คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของ ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) มีกำหนดจัดการประชุมนโยบายการเงินเป็นครั้งที่ 5 ของปีนี้ในวันที่ 26-27 ก.ค. โดยก่อนหน้านี้ เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น “ครั้งแรก” นับตั้งแต่เดือนธ.ค.2561 เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นหลังจากที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.2565
เฟดขึ้นดอกเบี้ยแบบขั้นบันได แต่คุมเงินเฟ้อไม่อยู่
แม้ เฟด ดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. แต่อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐก็ยังคงดีดตัวขึ้น ส่งผลให้เฟดต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ นับตั้งแต่ 0.50% ในเดือนพ.ค. และ 0.75% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 28 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2537
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงถึง 1.00% ในการประชุมเดือนก.ค.นี้ หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 9.1% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี
คาดเงินเฟ้อผ่านจุดพีค หลังราคาน้ำมันดิ่งหนักในเดือนก.ค.
อย่างไรก็ดี ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนได้ลดคาดการณ์เกี่ยวกับการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมเดือนก.ค.นี้ หลังมีการเปิดเผยข้อมูลที่ระบุว่าผู้บริโภคได้ลดคาดการณ์เงินเฟ้อ ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดบางรายแสดงความเห็นสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.75% ในเดือนนี้ แทนที่จะปรับขึ้นอย่างรุนแรงถึง 1.00%
นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนี CPI ประจำเดือนก.ค.ที่จะมีการเปิดเผยในเดือนส.ค. จะบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐชะลอตัวลงอย่างมาก เนื่องจากราคาน้ำมันทรุดตัวลงอย่างหนักในเดือนก.ค. ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
"พาวเวลล์" ยอมรับคาดการณ์เงินเฟ้อเป็นปัจจัยตัดสินนโยบายดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อเป็นข้อมูลที่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ยอมรับว่ามีผลต่อการตัดสินใจในการประชุมนโยบายการเงินของเฟด
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 33.2% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค. และให้น้ำหนัก 66.8% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
ก่อนหน้านี้ นักลงทุนให้น้ำหนักถึง 80% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค. และให้น้ำหนัก 20% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะแตะระดับ 5.2% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า โดยต่ำกว่าระดับ 5.3% ที่มีการสำรวจในเดือนที่แล้ว และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.
สำหรับในช่วง 5 ปีข้างหน้า ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะแตะระดับ 2.8% โดยต่ำกว่าระดับ 3.1% ที่มีการสำรวจในเดือนที่แล้ว และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี
นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด กล่าวอย่างชัดเจนหลังการประชุมนโยบายการเงินของเฟดเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ว่า ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคในผลสำรวจความเชื่อมั่นของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่มีการเปิดเผยเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เฟดเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจไปสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 15 มิ.ย. แม้ว่าเฟดคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ก่อนหน้านั้นเพียง 1 สัปดาห์
ทั้งนี้ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดิ่งลงสู่ระดับ 50.2 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในช่วงทศวรรษ 1940 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 58.5 หลังจากแตะระดับ 58.4 ในเดือนพ.ค. โดยดัชนีความเชื่อมั่นได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและอนาคตต่างปรับตัวลง
นอกจากนี้ ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะพุ่งแตะ 5.4% ในปีหน้า โดยสูงกว่าระดับ 4.2% ที่มีการสำรวจในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และคาดว่าเงินเฟ้อจะแตะ 3.3% ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยสูงกว่าระดับ 2.8% ที่มีการสำรวจในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
"เราพบว่าข้อมูลที่มีการเปิดเผยเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสนใจ ซึ่งเรากำลังจับตาตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อ และกำลังให้ความจริงจังในเรื่องนี้" นายพาวเวลล์กล่าว
ไทม์ไลน์เฟดขึ้นดอกเบี้ยในปี 2565
รายละเอียดการดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟดนับตั้งแต่ต้นปี 2565 รวมทั้งคาดการณ์ไทม์ไลน์ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมอีก 4 ครั้งที่เหลือในปีนี้ เป็นดังนี้