นางสาวชลฑิชา วณิชชากรพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารงานทั่วไป บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสง "ไฮคูล" ฟิล์มกรองแสงที่ลูกค้าเลือกใช้เป็นอันดับหนึ่งทั่วประเทศ เปิดเผยว่า จากความก้าวล้ำของระบบเทคโนโลยีทำให้ชีวิตของผู้คนบนโลกนี้สามารถติดต่อเชื่อมโยงเข้าถึงการซื้อ-การขาย ผลิตภัณฑ์ฟิล์มกรองแสงได้หมดทุกแบรนด์ ทุกรุ่น
ดังนั้นสิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจให้สามารถแข่งขันและครองใจผู้บริโภคในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทต่อไปในอนาคต คือ เรื่องบริการหลังจากขายในส่วนของงานช่างติดตั้งฟิล์มกรองแสง ที่ต้องมีฝีมือเฉพาะทางที่ได้มาตรฐานระดับสูง มีคุณภาพ เชื่อถือได้ในการบริการติดตั้งฟิล์มกรองแสงให้กับลูกค้าอย่างดี ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์การตลาดที่บริษัทต้องทำควบคู่กันไปทั้งในเรื่องของการออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ และ การบริการหลังการขายในส่วนของงานช่างติดตั้งฟิล์มกรองแสง
ดังนั้นในปี 2565 บริษัทจึงมีนโยบายเรื่องการบริการงานติดตั้งฟิล์มกรองแสง Hi-Kool Pro Service ในการจะยกระดับมาตรฐานช่างติดตั้งฟิล์มกรองแสงให้เกิดการบริการที่ดีและมีมาตรฐานที่สูงมากขึ้น เนื่องจากบริษัทมีฟิล์มกรองแสงที่ดีมีคุณภาพแล้วก็ควรทำให้ลูกค้าได้รับการบริการติดตั้งที่ดีมีคุณภาพเพื่อสร้างความพึ่งพอใจให้กับลูกค้าทั้งในเรื่องของคุณภาพสินค้าและการบริการควบคู่กันไป
อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้หลายคนเผชิญปัญหาตกงาน ว่างงาน จำนวนมาก ประกอบการตลาดแรงงานขาดแคลนช่างติดตั้งฟิล์มกรองแสง มีจำนวนช่างฝีมือไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด เพราะเป็นช่างฝีมือเฉพาะด้านจำเป็นต้องผ่านการเรียนรู้ การฝึกอบรม ที่ถูกต้องถึงจะสามารถรับงานติดตั้งได้
โครงการ Smart Service Project ภายใต้ชื่อ"โครงการยกระดับเพื่อเพิ่มศักยภาพฝีมือและสมรรถนะแรงงาน หลักสูตรการติดตั้งฟิล์มกรองแสงรถยนต์" ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับความร่วมมือจาก สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 13 กรุงเทพมหานคร สังกัด กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จำนวน 30 คน ระยะเวลาการฝึกอบรม 30 ชั่วโมง ตลอด 5 วันเต็ม
โดยเนื้อหาของการฝึกอบรมในโครงการ ฯ ดังกล่าว จะมีตั้งแต่ความรู้เรื่องฟิล์มกรองแสง, การเตรียมการติดตั้งฟิล์มกรองแสง, การลอกฟิล์มกรองแสงรถยนต์, การทำความสะอาดฟิล์มกรองแสง ฯลฯ นับเป็นหลักสูตรที่บริษัทได้มีการเรียบเรียงออกมาเป็นแบบเนื้อหาที่ลงรายละเอียดทุกขั้นตอนกระทั่งเทคนิคใหม่ ๆ ของการติดตั้งฟิล์มกรองแสง อาทิ เทคนิคการเป่าแห้ง แทน การใช้น้ำติดตั้งฟิล์มกรองแสง
ทั้งหมดนี้ป็นองค์ความรู้ที่บริษัทต้องการถ่ายทอดลงไปเพื่อช่วยส่งมอบโอกาสดี ๆ ให้กับผู้คนที่สนใจอยากเข้ามาประกอบวิชาชีพด้านนี้ และ เป็นการช่วยยกระดับมาตรฐานการทำงานของช่างติดตั้งฟิล์มกรองแสงให้มีคุณภาพฝีมือการบริการที่ดีและสูงขึ้นด้วย
ที่ผ่านมา ผู้ที่สนใจอยากมาเป็นช่างติดตั้งฟิล์มกรองแสง ไม่สามารถหาแหล่งแห่งการเรียนรู้ในเรื่องนี้ได้ถ้าเทียบกับช่างฝีมือแรงงานอื่น ๆ เช่น ช่างซ่อมรถยนต์ ช่างตัดผม ช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ จึงนับว่าเป็นโอกาสดีที่บริษัทได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ คือ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เพราะบริษัทต้องการเข้าไปมีส่วนช่วยพัฒนาสังคม CSR ( Corporate Social Responsibility)
ในฐานะที่ “ไฮคูล” เป็นองค์กรเอกชนมีความชำนาญและมีความสามารถในการพัฒนาบุคลกรผ่านการเพิ่มการฝึกอบรมทักษะพัฒนาฝีมือช่างติดตั้งฟิล์มกรองแสงทั้งในหมวดงานรถยนต์ และงานอาคาร เพื่อสร้างช่างติดตั้งให้มีฝีมือ พร้อมปฏิบัติได้จริง ไปสู่ร้านตัวแทนจำหน่ายในอนาคต