นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวในงานสัมมนา Thailand Survival ไทย..จะรอดอย่างไรในวิกฤติโลก จัดโดย หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฐานเศรษฐกิจ และเนชั่นทีวี ช่อง 22 ในหัวข้อ “เศรษฐกิจไทยจะก้าวผ่านอย่างไร?” ว่าหากวิเคราะห์ปัญหาเศรษฐกิจเกิดขึ้นจาก พบว่ามีกลุ่มไม่มีปัญหา คือ กลุ่มส่งออก ส่วนกลุ่มที่มีปัญหา คือ ธุรกิจกลางเล็ก SMEs มีปัญหา ซี่งคนมีปัญหาเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยจากแก้ปัญหาเศรษฐกิจคือ พลิกฟื้นรายได้ให้มากกว่ารายจ่าย ทำอย่างไรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
“70% จีดีพีของประเทศมาจากการส่งออก ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ และ 30% เป็นบริษัทต่างชาติ ซึ่งภาครัฐ ต้องสร้างแต้มต่อให้กับเอสเอ็มอี มีโอกาสได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอก่อน และสนับสนุนบริษัทใหญ่ไปออกไปเติบโตในต่างประเทศ”
นายสุพันธุ์ กล่าวต่อไปอีกว่า เราต้องกลับมามองว่าประเทศไทยถนัดอะไร ทางด้านเกษตร อาหาร ท่องเที่ยว สุขภาพ ไลฟ์สไตล์ โดยเกษตร อาหาร ทำโซนนิ่ง เราต้องกำหนดพื้นที่เพาะปลูก เพี่อเพิ่มผลผลิต การจัดทำโลจิสติกส์น้ำ เพื่อลดต้นทุนเกษตรกร การผลิตปุ๋ยเอง โดยได้สงครามยูเครน รัสเซีย ทำให้ปุ๋ยเพิ่มขึ้นเท่าตัว เพราะรัสเซียเป็นผู้ส่งออกแร่โปรแตซ ในการผลิตปุ๋ยมากสุด ขณะที่ประเทศไทย มีเหมืองโปรแตช ที่อุดรธานี ชัยภูมิ ถ้าเริ่มส่งเสริมตั้งแต่วันนี้ 3 ปีข้างหน้าเราสามารถเป็นผู้ส่งออกปุ๋ยได้
ด้านท่องเที่ยว ไทยมีความถนัดด้านบริการท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวมหาศาล ที่ผ่านมาตนผลักดันให้มีการเปิดประเทศ ซึ่งสร้างรายได้ให้ประเทศไทยทุกเดือน 1 แสนล้านบาท แต่ทำไมปล่อยให้แพลตฟอร์มต่างประเทศมาเก็บค่าธรรมเนียมจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทย โดยเราควรสร้างแพลตฟอร์มให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาใช้บริการ ซึ่งอาจขอความร่วมมือกับโรงแรม ร้านอาหาร เพื่อให้ได้ค่าบริการ หรือราคาที่ถูกลง เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มต่างชาติ นอกจากนี้ยังควรจัดจัดอีเว้นต์ตระดับโลกตลอดทั้งปี 12 อีเว้นต์ ทั้งแสดงสินค้า คอนเสิร์ต หรือ กีฬา
“เราต้องเร่งการขยายจีดีพีท่องเที่ยวเป็น 20-30% ของจีดีพี ภาคการเกษตร ขยายเป็นสัดส่วน 10-20% ของจีดีพี แล้ว ลดส่งออกเหลือ 40% ของจีดีพี จากปัจจุบัน 70% ของจีดีพี”
ด้านสุขภาพ ไทยมีสมุนไพร 2 แสนสายพันธุ์ เราต้องส่งเสริม พัฒนาให้ชุมชน ชาวบ้าน ให้การรักษาเกิดขึ้น ส่วนธุรกิจเสริมความงาม ผลักดันให้สามารถแข่งกับเกาหลีใต้ เช่นเดียวกับเครื่องสำอาง ต้องช่วยเหลือชาวบ้าน ให้ผลิตสบู่ ถ้ามีปัญหาจากการใช้งานผลิตภัณฑ์ ก็มีกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค