นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผย ถึงรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐเดือน ก.ค.65 ล่าสุดว่า เงินเฟ้อสหรัฐ ยังวางใจไม่ได้?
รูป 1 ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ ก.ค. 2565 เพิ่มจากปีก่อน (year on year) 8.5% ต่ำกว่า มิ.ย. (9.1%) และเพิ่มจากเดือนก่อน (month on month) 0.0% คือไม่เพิ่มเลย ทำเอาตลาดหุ้นเฮ นักลงทุนคาดว่า ตัวเลขเงินเฟ้อพีคแล้ว ต่อไปนี้ มีแต่จะลดลง
แต่ควรจะคำนึงถึงใส้ใน
ปัจจัยที่ดึงตัวเลขที่เพิ่มจากเดือนก่อน (month on month) มิให้สูงกว่า 0.0% คือ หมวดพลังงาน ซึ่งลดลง 4.6% โดยตัวที่ลดลงมากที่สุด คือ ราคาน้ำมัน ซึ่งลดลง 11.0%
บรรทัดที่สองจากสุดท้าย ค่าใช้จ่ายหมวดค่ายานพาหนะขนส่ง ก็ลดลง 0.5% ดังนั้น ตัวเลขที่ลดลง เกิดจากราคาน้ำมันเป็นหลัก
รูป 2 แสดงตัวเลขการลงทุนสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซ ซึ่งพีคในปี 2557 แล้ว หลังจากนั้นลดลงมาตลอด บ่งชี้ว่า capacity จะมีแต่ลดลง เพราะคนเดาว่ารถไฟฟ้าจะเข้ามาแทนที่
รูป 3 แสดง capacity ผลิตน้ำมันที่ซาอุดิ ซึ่งเป็นประเทศที่เหนียวแน่นลงทุนเพิ่มมากกว่าประเทศอื่น กำลังผลิตส่วนเกินก็เหลือน้อย
และอย่าลืมว่า ราคาน้ำมันที่อ่อนตัว มีปัจจัยสหรัฐนำเอาสำรองฉุกเฉินออกมาขาย และจีนล็อคดาวน์ทำให้ปริมาณซื้อลดลง
สรุปแล้ว จะคาดหวังว่า ราคาพลังงานพีค ก็ต่อเมื่อถ้าหากเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างหนักฉับพลันเท่านั้น
อีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้เฟดยังอกสั่นขวัญแขวน ก็คือค่าเช่าบ้านและราคาบ้าน ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.5%
รูป 4 จะเห็นได้ว่า ปัจจัยนี้พุ่งสูงขึ้นมาตลอด ตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ลด
และเฟดเป็นตัวการในปัจจัยนี้เต็มๆ เพราะดอกเบี้ยต่ำ กระตุ้นให้ผู้ขายบ้านขยับราคาเสนอขาย หนีสูงขึ้นมาตลอดสองปี
ถึงแม้ขณะนี้ ราคาเสนอขายบ้านในหลายรัฐลดต่ำลงแล้ว แต่ 42 Macro ประเมินว่า กว่าจะมีผลลดตัวเลขปัจจัยนี้ จะกินเวลาอีกอย่างน้อย 2-3 เดือน
สรุปแล้ว นักวิเคราะห์ยังจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์พลังงาน โดยเฉพาะถ้าหากยุโรปถูกรัสเซียตอกกลับ
และถ้ามีเหตุการณ์ black swan ตลาดทุนก็ยังจะกระเพื่อมหนัก ยังเกิดขึ้นได้