จากที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)ผู้แทนภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องในการนำเข้าปุ๋ยเป็นกรณีพิเศษจากซาอุดีอาระเบีย ที่ปกติประเทศไทยมีการนำเข้าปุ๋ยจากซาอุดีอาระเบียผ่านบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สุดคือ บริษัท SABIC (Saudi Basic Industries Corporation) ซึ่งมีผลผลิตปุ๋ยยูเรียปีละ 2.2 ล้านตันต่อปี และไทยเป็นลูกค้ารายสำคัญของบริษัท
ขณะที่ทางการซาอุฯยังได้เปิดโอกาสให้บริษัทที่ผลิตปุ๋ยของซาอุฯ อีก 2 บริษัทสามารถเจรจาขายปุ๋ยให้กับประเทศไทยได้ ได้แก่ บริษัท MA'ADEN (Saudi Arabian Mining Co.) และบริษัท ACO group ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของ Alim Investment Co. Ltd. Saudi Arabia ผู้ผลิตปุ๋ยรายใหญ่ลำดับต้น ๆ ของซาอุฯ
ทั้งนี้ไทยมีการรวบรวมตัวเลขผ่านสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมการค้าปุ๋ยไทยในเบื้องต้นมีความประสงค์ซื้อปุ๋ยจากซาอุฯรวม 8 แสนตัน เป็น ยูเรีย 5.9 แสนตัน ปุ๋ยฟอสเฟต 1.93 แสนตัน และปุ๋ยโพแทสเซียม 2.5 หมื่นตัน เพื่อให้ประเทศไทยมีปริมาณปุ๋ยเพียงพอใช้สำหรับเกษตรกร และมีหลักประกันมากขึ้นจากมีแหล่งนำเข้าพิเศษเพิ่มเติม
รายงานข่าวเผยว่า ล่าสุดในการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย ของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะภาครัฐและเอกชนไทย (30 ส.ค.2565) ได้พบและหารือกับผู้บริหารของบริษัท SABIC
โดยนายจุรินทร์ได้กล่าวถ้อยคำต่อประธาน SABIC ว่า ไทยมีเกษตรกร 15% ของประชากร และปุ๋ยเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิต ไทยมีปัญหาเรื่องราคาปุ๋ย กระทบต่อเกษตรกร และปริมาณปุ๋ยก็ยังขาดแคลน ทั้งนี้จากที่รัฐบาลซาอุฯมีนโยบายสนับสนุนปุ๋ยให้กับประเทศไทย SABIC (รัฐวิสาหกิจซาอุฯ) เป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยไทยแก้ปัญหาในช่วงเวลานี้ ซึ่งขอหารือกับ SABIC ถึงวิธีแก้ปัญหาที่รัฐบาลไทยกำลังแก้ปัญหาดูแลราคาปุ๋ยให้เกษตรกร โดยกระทรวงพาณิชย์ทำหน้าที่รวบรวมปุ๋ยราคาพิเศษให้กลุ่มเกษตรกร
“เราขอขอบคุณข้อตกลงกับ SABIC 425,000 ตัน และในเดือนนี้จะส่ง 1 แสนตัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยและช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาด และจะดีกว่านี้หากรัฐบาลไทยจะซื้อได้เพิ่มเติม”นายจุรินทร์ กล่าวตอนหนึ่ง
ขณะที่ผู้บริหารของ SABIC ได้ตอบรับข้อเสนอของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทย และระบุว่า อยากให้เป็นการค้าในระยะยาว โดย SABIC พร้อมจะช่วยส่งเสริมสนับสนุนให้ไทยมีฤดูการเพาะปลูกที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิม
นายจุรินทร์ เผยหลังการเดินทางเยือนซาอุฯว่า SABIC เป็นบริษัทผลิตปุ๋ยรายใหญ่รายหนึ่งของโลกและเป็นรายใหญ่ของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทำธุรกิจหลายด้านโดยเฉพาะปิโตรเคมี ปุ๋ย เคมีภัณฑ์ และอื่น ๆ รวมทั้ง อุปกรณ์การแพทย์ เป็นต้น
ในเรื่องปุ๋ยนี้รัฐบาลซาอุฯได้อำนวยความสะดวกการเจรจา เพื่อให้ไทยสามารถนำเข้าปุ๋ยจากซาอุฯเพื่อแก้ปัญหา 2 ข้อ 1.เรื่องราคา 2.เรื่องปริมาณต้องไม่ให้ขาดแคลนสำหรับความต้องการใช้ของเกษตรกร
ทั้งนี้ในเรื่องปริมาณถือว่าได้แก้ปัญหาลุล่วงโดยได้เร่งเจรจากับซาอุฯในการนำเข้าปุ๋ย ซึ่งขณะนี้ทำสัญญาซื้อขาย นำเข้าปุ๋ยได้แล้วถึงเดือนกรกฎาคม จำนวน 323,000 ตัน และเดือนสิงหาคม มีการเจรจานำเข้าเพิ่มเติมอีก 102,000 ตัน รวมนำเข้าปุ๋ยจากซาอุฯ 425,000 ตัน และจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นในเดือนสิงหาคม อย่างน้อยปัญหาขาดแคลนปุ๋ยไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่เรื่องราคายังต้องเป็นไปตามกลไกของราคาปุ๋ยในตลาดโลก