รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง ประสานกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งรัดติดตามการดำเนินการ เบิกจ่ายงบประมาณ ของทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบลงทุน ให้แล้วเสร็จโดยเร็วและบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐดำเนินการให้ถูกต้อง โปร่งใส เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย
อย่างไรก็ตามในเดือนมีนาคม 2568 นี้ นายกฯ จะมีการประชุมเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 และเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เพื่อติดตามความคืบหน้า ในการเบิกจ่ายงบประมาณของส่วนราชการอีกครั้ง เพื่อให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบลงทุน สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้โดยเร็ว
สำหรับผลการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ล่าสุดตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 – 24 มกราคม 2568 จากข้อมูลของกระทรวงการคลัง รายงานว่า ณ วันที่ 24 มกราคม 2568 วงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลง อยู่ที่ 9.3 แสนล้านบาท เบิกจ่ายได้ 1.6 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 17.5% หากรวมการก่อหนี้ผูกพัน มีการใช้จ่ายที่ 2.9 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 30.8%
โดยจำนวนเงินที่ต้องเบิกจ่ายในช่วงที่เหลือของงบประมาณ 2568 (วันที่ 25 มกราคม - 30 กันยายน 2568) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนที่ 80% ตามประมาณการของกรมบัญชีกลาง อยู่ที่ 5.8 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 62.5%
ทั้งนี้ ณ สัปดาห์สุดท้ายของเดือนมกราคม 2568 ผลอัตราการเบิกจ่ายการลงทุนที่ 17.5% เบิกจ่ายได้เพิ่มขึ้น 0.5% น้อยกว่าที่ต้องเบิกจ่ายต่อสัปดาห์ที่ 5.8% เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ณ สิ้นเดือนที่กรมบัญชีกลางคาดการณ์ไว้ที่ 23.3%
ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายการลงทุนในสัปดาห์ถัดไป โดยมีแนวทางดังนี้
1. งบกระทรวง ควรเร่งรัดการลงทุน โดยเฉพาะกระทรวงที่มีวงเงินขนาดใหญ่ 5 อันดับแรก ได้แก่
2. งบจังหวัด ควรเร่งรัดการลงทุนโดยเฉพาะจังหวัดที่มีวงเงินขนาดใหญ่ เพื่อขับเคลื่อนให้เม็ดเงินหมุนเวียนสู่จังหวัดต่าง ๆ ได้แก่