ภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้ 51 องค์กร ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2568 คัดค้านการผลักดัน "ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex)" ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการอนุญาตให้มีกาสิโนถูกกฎหมาย
โดยเครือข่ายเรียกร้องให้รัฐบาลชะลอการพิจารณาและจัดทำประชามติเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนอย่างรอบด้านก่อนดำเนินการใดๆ
นายยูนัยนัน อินตาฝา นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ตัวแทนกลุ่มเครือข่ายเป็นผู้อ่านแถลงการณ์ ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความกังวลของภาคประชาสังคม โดยระบุว่า เครือข่ายมีความห่วงใยอย่างยิ่งต่อการผลักดัน พ.ร.บ.ดังกล่าว รวมถึงการผลักดันให้พนันออนไลน์ถูกกฎหมาย ซึ่งปัญหาพนันออนไลน์นับวันยิ่งขยายวงกว้างและส่งผลกระทบรุนแรงต่อสังคม โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่เข้าถึงได้ง่ายผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
"หากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงครบวงจรและพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย จะยิ่งทำให้สถานการณ์น่าเป็นห่วงมากขึ้น อาจนำไปสู่ปัญหาสังคมที่ซับซ้อนและยากแก่การแก้ไขในอนาคตอันใกล้"
แถลงการณ์ระบุ พร้อมเน้นย้ำว่า แม้จะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นและผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว แต่ยังคงมีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านศีลธรรมและความสงบเรียบร้อยของประชาชน
นายยูนัยนันยังเน้นย้ำว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จำเป็นต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบในทุกมิติ โดยเฉพาะประเด็นการควบคุมธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการพนันให้มีความรัดกุม การสร้างสมดุลระหว่างการส่งเสริมการลงทุนและการท่องเที่ยวกับผลกระทบทางสังคม ตลอดจนการป้องกันการฟอกเงินและอาชญากรรมข้ามชาติที่อาจตามมา
เครือข่ายฯ ได้เรียกร้อง 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
นายอับดุลเราะห์มาน ประธานสมาคมผู้นำอิสลามชายแดนใต้ หนึ่งในองค์กรที่ร่วมลงนามในแถลงการณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า "การอนุญาตให้มีคาสิโนและพนันออนไลน์ถูกกฎหมายขัดกับหลักศาสนาและวัฒนธรรมท้องถิ่นในพื้นที่ชายแดนใต้อย่างชัดเจน เราเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางสังคมและครอบครัวในระยะยาว ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะได้รับไม่คุ้มค่ากับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น"
ด้านนางสาวนูรียา ผู้แทนจากสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า "พวกเราในฐานะเยาวชนห่วงใยอนาคตของเพื่อนๆ วัยเดียวกัน เพราะเราเห็นผลกระทบของการพนันออนไลน์ที่เริ่มแพร่กระจายในกลุ่มวัยรุ่นแล้ว หากมีการรับรองให้ถูกกฎหมาย จะยิ่งทำให้เข้าถึงง่ายขึ้นและยากแก่การควบคุม"
ทั้งนี้ภาคีเครือข่ายป้องกันปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพและสังคม 51 องค์กร ร่วมแถลงการณ์ประกอบด้วย