thansettakij
“จักรภพ”แนะวิธีรับมือสหรัฐขึ้นภาษีไทย หาทางเข้าถึง"ทรัมป์"

“จักรภพ”แนะวิธีรับมือสหรัฐขึ้นภาษีไทย หาทางเข้าถึง"ทรัมป์"

03 เม.ย. 2568 | 09:33 น.
อัปเดตล่าสุด :03 เม.ย. 2568 | 09:50 น.

"จักรภพ เพ็ญแข"แนะวิธีรับมือสหรัฐขึ้นภาษีไทย เจรจาทูตควบคู่ส่งกลุ่มเคลื่อนที่เร็วเข้าถึง “ทรัมป์” ชี้สหรัฐยังขึ้นไม่เท่าภาษีไทย เปิดโอกาสเจรจา

นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นต่อกรณีที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศปรับขึ้นภาษีสินค้าจากประเทศไทย ในอัตรา 36% โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2568 เป็นต้นไป 

โดยระบุว่า จากข้อมูลภายในที่ได้รับ ยืนยันว่ามาตรการดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นชาวอุยกูร์ ตามที่มีการตั้งข้อสังเกตในสังคม แต่มีสาเหตุมาจากการที่ประเทศไทย เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ สูงถึง 72% ซึ่งจุดนี้ถือเป็นการตอบโต้ทางการค้าของสหรัฐฯ 

นายจักรภพ กล่าวว่า แม้การเก็บภาษีฝั่งสหรัฐฯ จะดูหนักหน่วง แต่ก็ยังไม่เทียบเท่าที่ไทยเรียกเก็บอยู่เดิม จึงถือว่าสหรัฐฯ ยังเปิดโอกาสให้มีการเจรจาในระดับทวิภาคี เพื่อแลกกับอะไรอื่น ๆ ได้ พร้อมเสนอแนวทางแก้ไขโดยระบุว่า เราควรทำงานพร้อมกันในสองแนวทาง คือ 

1. ดำเนินการผ่านช่องทางการทูต ตั้งแต่เอกอัครราชทูต ปลัดกระทรวง รัฐมนตรี ไปจนถึงผู้นำประเทศ 

และ 2. จัดตั้งกลุ่มเคลื่อนที่เร็วที่สามารถเข้าถึงตัว “ทรัมป์”โดยตรง ซึ่งประเทศไทยมีช่องทางเหล่านี้อยู่แล้ว ทั้งสองแนวทางต้องไม่แก่งแย่งแข่งขันกัน และต้องเสริมกัน

นอกจากนี้ ยังมองว่า ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีสินค้าทุกประเทศทั่วโลก ในอัตรา 10% แต่ไทยกลับถูกเก็บเพิ่มมากถึง 36% ซึ่งถือว่าอยู่ในกลุ่ม 60 ประเทศ ที่ถูกกระทบหนักกว่า แม้จะไม่เท่ากับเวียดนาม หรือ กัมพูชา ก็ตาม 

ทั้งนี้ในมุมมองเชิงยุทธศาสตร์ หากพิจารณาในบริบทการแข่งขันกับประเทศในอาเซียน ไทยยังอาจสามารถใช้โอกาสนี้ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้าระหว่างกันเองได้ในระดับหนึ่ง

ในประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นายจักรภพ เตือนว่า ต้องระมัดระวังการแสดงจุดยืนต่อเรื่องนี้ เพราะยังอยู่ในระยะอ่อยเหยื่อและเปลี่ยนแปลงได้ แม้แต่การวิจารณ์สถานการณ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รวมถึงบทบาทของไทยในการเข้าร่วมกลุ่ม BRICS ในฐานะผู้สังเกตการณ์ในช่วงนี้ อาจทำให้เสี่ยงต่อการถูกกดดันเพิ่ม หรือ กลั่นแกล้งทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะหากเกิดมุมมองว่าไทยใกล้ชิดจีนหรือรัสเซียมากเกินไป 

สำหรับนโยบายภาษีของทรัมป์นั้น นายจักรภพ ชี้ว่า เป็นความไม่ฉลาด เนื่องจากจะทำให้สินค้าและบริการในสหรัฐฯ มีราคาสูงขึ้น ตัวเลือกต่อผู้บริโภคน้อยลง ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เองได้รับผลกระทบ อีกทั้งอาจกระทบต่อความนิยมจากชาวอเมริกัน โดยเฉพาะในรัฐตอนกลาง (Midwestern) ที่อาจลุกขึ้นมาต่อต้านทรัมป์ได้ในภายหลัง

“เขาทำให้มิตรประเทศกลายเป็นศัตรูไปหมด ถ้ามีเหตุการณ์ใหญ่ระดับ 9/11 ขึ้นอีก ใครจะยื่นมือมาช่วย ถ้าไม่ยอมเจรจาเรื่องผลประโยชน์หรือจ่ายตังค์มาก่อน” นายจักรภพ กล่าว 

นายจักรภพ ยังกล่าวยกย่องในอีกมุมหนึ่งว่า โดนัลด์ ทรัมป์เป็นผู้นำที่รักษาคำพูด และทำนโยบายตรงตามที่เคยหาเสียงไว้ และแนะว่า ไทยไม่ควรเข้าไปร่วมทะเลาะ หรือแสดงท่าทีแข็งกร้าวกับสหรัฐฯ แต่ควรเจรจาแบบเป็นรายกลุ่มสินค้าและบริการไป 

“ไม่ควรตกใจ หรือโกรธ เพราะมหามิตรในอดีตอย่างสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนบทบาทมาเป็นคู่แข่งขันรายใหญ่ในปัจจุบันแล้ว” นายจักรภพ ระบุ