thansettakij
คลัง แจง 12 เหตุผลดันตั้งสถานบันเทิงครบวงจร หวังเติมเม็ดเงินฟื้นเศรษฐกิจ

คลัง แจง 12 เหตุผลดันตั้งสถานบันเทิงครบวงจร หวังเติมเม็ดเงินฟื้นเศรษฐกิจ

06 เม.ย. 2568 | 01:30 น.
อัปเดตล่าสุด :06 เม.ย. 2568 | 01:42 น.

เปิดรายงานกระทรวงการคลังเผย 12 เหตุผลผลักดันกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร-กาสิโนถูกกฎหมาย มุ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยหลังโควิด พร้อมดึงธุรกิจพนันเข้าสู่ระบบ ควบคุมผลกระทบสังคมด้วยมาตรการเข้มงวด ก่อนเข้าสภาพิจารณา 9 เมษายนนี้

ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่มีทั้งเสียงสนับสนุนและคัดค้านร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ "กฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" ที่มีกาสิโนถูกกฎหมายรวมอยู่ด้วย

จากการตรวจสอบของฐานเศรษฐกิจพบว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ได้จัดทำงานการวิเคราะห์ผลกระทบจากร่างกฎหมาย เพื่อประกอบการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 9 เมษายนนี้ 

โดยกระทรวงการคลังระบุ 12 เหตุผลสำคัญของการผลักดันกฎหมายฉบับนี้ พร้อมชูประเด็นเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด ดึงดูดนักท่องเที่ยวและนำธุรกิจกาสิโนเข้าสู่ระบบที่ถูกกฎหมาย พร้อมวางมาตรการป้องกันผลกระทบทางสังคมอย่างเข้มงวด

ขณะเดียวกัน รายงานได้ระบุถึงมาตรการป้องกันผลกระทบทางสังคมที่อาจเกิดขึ้น เช่น การห้ามผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้ากาสิโน และการกำหนดให้คนไทยที่จะเล่นการพนันต้องมีเงินฝากในบัญชีไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท รวมทั้งการจัดสรรรายได้จากภาษีส่วนหนึ่งเพื่อแก้ไขปัญหาการเสพติดการพนันและพัฒนาชุมชนที่ได้รับผลกระทบ

สาระสำคัญของรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบจากร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ.... ที่รัฐบาลต้องผลักดันกฎหมายฉบับนี้ โดยสรุป มีดังนี้ 

1. ฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ซบเซา

กระทรวงการคลังชี้ว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะสถานบริการและสถานบันเทิง ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลให้รายได้ของประชาชนที่ประกอบอาชีพอยู่ในภาคบริการและรายได้จากนักท่องเที่ยวในภาพรวมของประเทศลดลงเป็นจำนวนมาก การเปิดให้มีสถานบันเทิงครบวงจรจะช่วยกระตุ้นและสร้างความเชื่อมั่นในภาคการท่องเที่ยวอีกครั้ง

2. ต่อยอดอุตสาหกรรม Fun Economy

รายงานระบุว่า เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มผ่อนคลายลง จึงเป็นช่วงเวลาอันดีที่จะพิจารณากลไกมาตรการต่างๆ เพื่อเร่งฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมกลุ่ม Fun Economy ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมตั้งแต่การท่องเที่ยว กีฬา สถานบันเทิง ธุรกิจ และการประชุมสัมมนาหรือไมซ์ (MICE) ทั้งยังเป็นอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยมีศักยภาพในการต่อยอดในอนาคต

3. สอดคล้องนโยบายเร่งด่วนรัฐบาล

เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 นายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) ได้แถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา โดยหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการทันที คือ การเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวซึ่งรวมถึงการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Destinations)

เช่น สวนน้ำ สวนสนุก ศูนย์การค้า สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) การนำคอนเสิร์ต เทศกาล และการแข่งขันกีฬาระดับโลกมาจัดในประเทศไทย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและเม็ดเงินมหาศาลที่จะกระจายลงสู่ผู้ประกอบการภายในประเทศได้อย่างรวดเร็ว

4. สร้างธุรกิจบันเทิงหลากหลายประเภท

การสร้างสถานบันเทิงครบวงจรเพื่อเป็นสถานที่สำหรับประกอบธุรกิจบันเทิงที่มีองค์ประกอบของธุรกิจหลากหลายประเภทรวมกัน เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานบริการ สนามกีฬา ยอร์ชและครูซซิ่งคลับ สถานที่เล่นเกม สระว่ายน้ำและสวนน้ำ สวนสนุก และกิจการอื่นๆ ร่วมกับกาสิโน

โดยผู้ขอรับใบอนุญาตต้องประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติอย่างน้อย 4 ประเภท ร่วมกับกาสิโน และจะต้องมีพื้นที่สำหรับส่งเสริมสินค้า บริการ และศิลปวัฒนธรรมไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของพื้นที่ทั้งหมด

คลัง แจง 12 เหตุผลดันตั้งสถานบันเทิงครบวงจร หวังเติมเม็ดเงินฟื้นเศรษฐกิจ

5. ทำให้ธุรกิจกาสิโนเข้าสู่ระบบถูกกฎหมาย

ข้อสำคัญคือการทำให้ธุรกิจกาสิโนเข้ามาอยู่ในระบบการบริหารจัดการที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะทำให้ภาครัฐสามารถกำกับดูแลและจัดเก็บภาษีจากสถานบันเทิงครบวงจรดังกล่าวเพื่อเป็นรายได้ของประเทศได้ ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรเป็นการเฉพาะ อีกทั้งการจัดให้มี เข้าเล่น หรือเข้าพนันตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 ยังมีข้อจำกัดบางประการ

6. เปิดช่องทางการลงทุนใหม่

ตามรายงานผลกระทบต่อเศรษฐกิจในข้อ 8.1 ระบุว่า นักลงทุน/นักธุรกิจจะมีช่องทางในการลงทุนในอุตสาหกรรมกลุ่ม Fun Economy ผ่านการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งจะสร้างโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจ

7. พัฒนาที่ดินและกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรอบ

เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินจะมีโอกาสในการพัฒนาที่ดินที่ถือครองให้เกิดเป็นรายได้ และเกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่โดยรอบสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับที่ดินและทรัพย์สินในบริเวณโดยรอบ

8. สร้างงานและพัฒนาทักษะแรงงาน

ประชาชนในพื้นที่จะมีโอกาสในการพัฒนาทักษะในการประกอบอาชีพ ตลอดจนการประกอบอาชีพในสถานบันเทิงครบวงจร ทำให้เกิดการจ้างงานและการพัฒนาฝีมือแรงงานในท้องถิ่น

9. เพิ่มรายได้ภาษีให้รัฐ

เจ้าหน้าที่รัฐจะสามารถจัดเก็บภาษีได้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจากธุรกิจกาสิโนที่จะเข้ามาอยู่ในระบบอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งจะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ที่สำคัญของประเทศ

10. ใช้รายได้ภาษีเพื่อแก้ปัญหาสังคม

ผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรเพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า รัฐสามารถใช้รายได้จากภาษีที่จัดเก็บได้ไปใช้เพื่อการเยียวยาปัญหาการเสพติดการพนัน การปราบปรามการพนันผิดกฎหมาย รวมถึงเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชนที่ได้รับผลกระทบหรือเพื่อการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น

11. มีมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด

เนื่องจากการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคมหลายด้าน จึงมีความจำเป็นที่รัฐจะต้องเข้าไปควบคุมดูแลการประกอบธุรกิจให้มีมาตรฐาน รวมทั้งกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อสังคม

ร่างพระราชบัญญัติฯ กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตต้องประกอบธุรกิจให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต รวมทั้งต้องประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรด้วยตนเอง ห้ามโอนสิทธิตามใบอนุญาตให้บุคคลอื่นหรือนำหุ้นไปเป็นหลักประกันการชำระหนี้ ต้องมีการจัดเขตบริเวณของกาสิโนที่แยกต่างหากจากสถานประกอบธุรกิจสถานบันเทิงอื่น และต้องมีการควบคุมการเข้าออกกาสิโนและตรวจสอบผู้เข้าไปในกาสิโน

นอกจากนี้ยังห้ามมิให้บุคคลบางประเภทเข้าไปในกาสิโน ได้แก่ ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี บุคคลซึ่งมิได้ลงทะเบียนและชำระค่าธรรมเนียม บุคคลซึ่งมีลักษณะต้องห้าม และบุคคลซึ่งผู้อำนวยการควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรห้ามเข้ากาสิโน ที่สำคัญคือการกำหนดให้บุคคลสัญชาติไทยซึ่งจะเล่นพนันในกาสิโนต้องมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาทต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 5 เดือน และผ่านการตรวจสอบตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการบริหารสำนักงานควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรกำหนด

12. มีการกำกับดูแลโดยคณะกรรมการระดับชาติ

ร่างกฎหมายกำหนดให้มีบทเฉพาะกาล ซึ่งในวาระเริ่มแรกให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งประกอบด้วย นายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ทำหน้าที่คณะกรรมการนโยบายฯ และคณะกรรมการบริหารฯ

มารีน่า เบย์ แซนด์ส ของสิงคโปร์ มารีน่า เบย์ แซนด์ส ของสิงคโปร์

ความเสี่ยงและการป้องกันผลกระทบ

รายงานยอมรับถึงความเสี่ยงด้านสังคมว่า หากการบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นไปอย่างเคร่งครัด อาจทำให้สถานบันเทิงครบวงจรกลายเป็นศูนย์รวมอบายมุขและแหล่งอาชญากรรม ซึ่งจะกระทบต่อเด็กและเยาวชน ตลอดจนวัยแรงงานและกลุ่มเปราะบางต่างๆ และส่งผลในภาพรวมของประเทศที่อาจต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

นอกจากนี้ ยังอาจเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือสุขภาวะ เช่น เสียงรบกวนและการสั่นสะเทือนจากการแสดง ดนตรีสด การเปิดเพลงเสียงดังของสถานบันเทิง การรวมกลุ่มมั่วสุม การดื่มสุรา เสียงจากการก่อสร้างและการประกอบกิจการ รวมถึงสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป มลภาวะจากขยะ ฝุ่น และผง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยในเขตพื้นที่ใกล้เคียงกับสถานบันเทิงครบวงจร

ความพร้อมและงบประมาณ

รัฐบาลคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณในระยะ 3 ปีแรก เป็นจำนวน 300 ล้านบาท จะต้องมีอัตรากำลังเพิ่มขึ้น 50 อัตรา โดยในวาระเริ่มแรกจะมีการตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษ และการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ รวมถึงมีการเตรียมแผนการสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผ่านการจัดแถลงข่าว จัดทำข้อมูลเผยแพร่ทางเว็บไซต์ และการจัดสัมมนาให้ความรู้