thansettakij
เปิด 6 ข้อ "เศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม" ค้านสถานบันเทิงครบวงจร

เปิด 6 ข้อ "เศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม" ค้านสถานบันเทิงครบวงจร

06 เม.ย. 2568 | 05:07 น.
อัปเดตล่าสุด :06 เม.ย. 2568 | 06:12 น.

ทุกภาคส่วน- พรรคการเมือง ค้านสุดซอย ดันร่าง สถาน กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม เปิด6ข้อ กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ค้านร่างสถานบันเทิงครบวงจร

 

จากกรณีรัฐบาล เสนอการบรรจุ ร่าง พระราชบัญญัติ( พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในวันที่ 9 เมษายน2568  ก่อนปิดสมัยประชุม 10 เมษายน นี้ และให้กรรมาธิการ (กมธ.) ประชุมในช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ หลายฝ่าย ออกมาคัดค้าน โดยมองว่า เป็นการเร่งรัดเกินไป มากกว่าโครงการเร่งด่วนอื่นๆ โดยเฉพาะการช่วยเหลือเรื่องของเหตุแผ่นดินไหว

สถานบันเทิงครบวงจร สถานบันเทิงครบวงจร

เช่นเดียวกับ  กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม นำโดยนายวิชาญ ฤทธิ์วิชัย ตัวแทนกลุ่มฯยื่นจดหมายเปิดผนึก คัดค้านร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เมื่อวันที่ 6 เมษายนต่อ ประธานสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรค

โดยระบุว่า ตามที่สภาผู้แทนราษฎรได้บรรจุร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ... ที่มีกาสิโนเป็นส่วนประกอบสำคัญ  และได้เลื่อนขึ้นพิจารณาเป็นการด่วนในวันที่ 9 เมษายนนี้     กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างละเอียด   และมีมติคัดค้านร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้  ด้วยเหตุผลสำคัญ ดังนี้

1.การละเมิดหลักสัญญาประชาคม  ด้วยเหตุว่าพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาลปัจจุบันไม่มีพรรคใดหาเสียง ต่อประชาชนในการเลือกตั้งที่ผ่านมาว่าจะให้มีบ่อนพนันถูกกฎหมาย จึงเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตที่ประชาชนมอบให้ แม้ประชาชนจะมอบให้แล้วก็ไม่สามารถใช้อำนาจตามอำเภอใจได้

2.ผลกระทบทางเศรษฐกิจ  สถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนเป็นหลัก อาจไม่สามารถสร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจได้จริงตามที่กล่าวอ้าง  เพราะการพนันไม่ได้มีผลต่อการเพิ่มขึ้นของรายได้ประชาชาติ  เป็นเพียงการโอนย้ายเงินจากฝ่ายหนึ่งไปยังอีกฝ่ายหนึ่งเท่านั้น  ไม่ได้ก่อให้เกิดการผลิตสินค้าและบริการใดๆ  

ในทางกลับกันอาจส่งผลกระทบต่อสังคมและก่อให้เกิดต้นทุนสาธารณะที่สังคมโดยรวมต้องมาแบกรับ  จึงไม่ก่อให้เกิดความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง

3.ขาดธรรมาภิบาลร่างพระราชบัญญัตินี้ให้อำนาจแก่คณะกรรมการนโยบายและคณะรัฐมนตรีอย่างล้นเกินขาดการแบ่งแยกอำนาจเพื่อการตรวจสอบและถ่วงดุลเสมือนการให้เช็คเปล่ากับฝ่ายบริหารสามารถแสวงประโยชน์อย่างไรก็ได้

4.ความเสี่ยงต่อการฟอกเงินและอาชญากรรม  กาสิโนสามารถถูกใช้เป็นช่องทางการฟอกเงินของธุรกิจผิดกฎหมาย อาชญากร รวมถึงข้าราชการและนักการเมืองที่ทุจริตคอรัปชั่น หากพื้นฐานของประเทศนั้นไม่มีการบังคับใช้กฎหมายที่ดีพอ มีการทุจริตคอรัปชั่นสูง รวมถึงการมีกฎหมายที่มีช่องโหว่

5.การไม่ฟังเสียงคัดค้านของประชาชน ปัจจุบันปรากฏเสียงคัดค้านจากทุกภาคส่วนของสังคม ทั้งองค์กรศาสนา แพทย์และบุคลากรทางสาธารณสุข นักวิชาชีพ และกลุ่มมวลชนต่าง ๆ  การเร่งผ่านกฎหมายโดยไม่ฟังความเห็นค้านของประชาชน อาจนำไปสู่การจุดชนวนความขัดแย้งทางสังคม ซ้ำรอยเหตุการณ์ในอดีต ซึ่งไม่เป็นที่คนไทยโดยส่วนใหญ่ปรารถนาจะให้เกิดขึ้นอีก

6.การเคารพมติมหาชน  หากรัฐบาลเชื่อมั่นในนโยบายนี้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม  และพร้อมจะชี้แจงเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อประชาชน รัฐบาลสมควรจัดทำประชามติเพื่อให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ

กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ขอเรียกร้องต่อประธานรัฐสภาโปรดยึดมั่นผลประโยชน์ของประเทศในระยะยาว และขอเรียกร้องต่อพรรคการเมืองทุกพรรค และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกท่าน ได้ใช้มโนสำนึกตัดสินใจอย่างอิสระปราศจากการถูกครอบงำใด ๆ  โดยคำนึงถึงประโยชน์ของสังคมเป็นสำคัญ