วันนี้(20มี.ค.68) คณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติดสภาผู้แทนราษฎร จัดงานสัมมนา "Entertainment Complex : ก้าวใหม่ของเศรษฐกิจสังคมไทย" โดยเชิญหลายภาคส่วนเข้าร่วมเวทีเพื่อแสดงความคิดเห็น โดยหนึ่งในนั้นคือ นายชัชวาลย์ คงอุดม สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร
นายชัชวาลย์ คงอุดม
นายชัชวาลย์ กล่าวตอนหนึ่งว่า พร้อมกับออกตัวว่าตัวเป็นคนพูดไม่เก่ง แต่ส่วนตัวให้การสนับสนุนและเสนอเรื่อง Entertainment Complex ที่มากาสิโน มาแล้วกว่า 30 ปี แต่ถูกคัดค้านและทัวร์ลงทุกครั้งที่ออกมาสนับสนุน เพราะในนั้นไม่ได้มีแค่กาสิโน แต่ยังมีหลายอย่างอยู่ในนั้น ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงแรมฯ ซึ่งสามารถสร้างรายได้เข้ารัฐจำนวนมาก ซึ่งตนเสนอว่ารายได้สามารถนำไปต่อยอดช่วยสังคมได้ อาทิ ทุนการศึกษานักเรียน นักศึกษา นำไปช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรเมื้่อประสบภัยพิบัติ โดยไม่ต้องพึ่งงบประมาณของรัฐ
นายชัชวาล ระบุด้วยว่า ส่วนเรื่องปัญหาอาชญากรข้ามชาติที่จะเข้ามาฟอกเงินเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครๆก็เข้าไปในเล่นกาสิโนได้ เพราะไม่สามารถนำเงินสดเข้าไปได้ ต้องซื้อแคชเชียร์เช็คจากธนาคาร มีการตรวจสอบที่รัดกุมอยู่แล้วว่านำเงินมาจากไหน รวมทั้งระบบความปลอดภัยในนั้นมีกล้องเป็นพันตัว มีกติกาการเข้าไปเล่นที่เข้มงวด ถ้าทำทุกอย่างให้ถูกต้องรัดกุมก็จะช่วยได้ สมมติว่าต้องวางเงินมัดจำ ถ้าใครทำผิดเงื่อนไขก็ริบเงินมัดจำก็จะเป็นรายได้เข้ารัฐด้วยอีกทางหนึ่ง
"โดยส่วนตัวเสนอว่าให้พ่วงการพนันออนไลน์เข้าไปด้วย เพราะปัจจุบันเด็กเยาวชนเล่นการพนันออนไลน์อยู่แล้วคนละ 10-20 บาท ก็รวมแล้วเป็นพันล้านต่อเดือน จึงเสนอทำให้ถูกต้องรัดกุมจะดีกว่า"
ด้าน นายณัฐกร วิทิตานนท์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ยกโมเดลธุรกิจกาสิโนในต่างประเทศ ทั้งที่รุ่ง และร่วง ซึ่งที่รุ่ง เช่น ในสิงคโปร์, ฮ่องกง, ดูไบ, ญี่ปุ่น และมาเก๊า ซึ่งกาสิโนจะรุ่งได้นั้น จะต้องมีมาตรการ มีเป้ามหายชัดเจน มีความรอบคอบใช้ระยะเวลานานในการศึกษา มีกระบวนการการมีส่วนร่วมของพื้นที่ และที่ร่วง อาทิ แอตแลนติกซิตี้ สหรัฐอเมริกา, สีหนุวิลล์ บ่อเต็น กัมพูชา และ สปป.ลาว
ซึ่งปัญหาหลักเพราะไร้การดูแล เช่น สปป.ลาว ที่กฎหมายห้ามชาวลาวเข้าเล่น แต่ก็ยังพบชาวลาวเข้าไปใช้บริการ และมีสิทธิพลจีน ที่มีมาตรการป้องกันไม่ให้พลเมืองเข้าไปใช้บริการ รวมถึงถูกการพนันออนไลน์มาแย่งส่วนแบ่งด้วย
นายณัฐกร ยังเห็นว่า ในร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ก็ยังมีความลักลั่น เช่น เป้าหมายต้องการแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายในประเทศ แต่มีการกำหนดเงื่อนไขผู้เข้าใช้บริการจะต้องเสียค่าแรกเข้า 5,000 บาท และกำหนดให้มีเงินฝาก 50 ล้านในบัญชีเงินฝากประจำ ทั้งที่ประชาชนที่เล่นการพนันผิดกฎหมาย ส่วนใหญ่ไม่เข้าเงื่อนไข และเล่นตามงานศพ
และปัญหาสำคัญ คือ รัฐบาล ยังไม่ทราบว่า ต้องการจะเปิดสถานบันเทิงครบวงจรในพื้นที่ใด และในร่างกฎหมายก็ไม่ได้มีการกำหนดเงื่อนไขที่ตั้ง แตกต่างจากรายละเอียด ที่มีการศึกษาในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กำหนดไว้ว่า สถานบันเทิงครบวงจร จะต้องอยู่ไม่เกินกว่า 100 กิโลเมตรของ 3 สนามบินหลัก และอยู่ในเมืองท่องเที่ยวหลัก เป็นจังหวัดชายแดน ที่มีจุดผ่านแดนถาวร
แต่ร่างกฎหมายปัจจุบัน ยังไม่มีรายละเอียดดังกล่าว รวมถึงไทยเอง อาจจะมีการเปิดสถานบันเทิงฯ หลายแห่ง ซึ่งตามที่ปรากฏเป็นข่าว อาจจะมีถึง 5 แห่ง ซึ่งมองว่า อาจจะมากเกินไป แตกต่างจากญี่ปุ่น ที่กำหนดให้มีได้ไม่เกิน 3 แห่ง และปัจจุบัน กำลังจะเริ่มดำเนินการที่โอซาก้า เพียงที่เดียวเท่านั้น ซึ่งจะทำให้มีผู้แข่งขันน้อยราย และสามารถควบคุมได้