กาง 10 อันดับผู้ส่งออกไทย 67/68 “เวสเทิร์นฯ”ผงาดเหนือ “โตโยต้า”

“ฐานเศรษฐกิจ” ตรวจสอบข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากรถึงผู้ส่งออก 10 อันดับแรกของไทยช่วง 2 เดือนแรกปี 2568 เรียงตามลำดับดังนี้

1.บริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล สตอเรจ เทคโนโลยีส์ จำกัด (บจก.) 2.บจก.ซิเลซติกา (ประเทศไทย) 3.บจก.โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย 4.บจก.ดรีมซิลเวอร์ 5.บจก.เอ็มทีเอสโกลด์ 6.บจก.คิวเอ็มบี 7.บจก.โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง 8.บจก.สยาม จิวเวลรี่ ครีเอชั่น 9.บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (บมจ.) และ 10.บจก.ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย)

ขณะที่ 10 อันดับผู้ส่งออกไทยปี 2567 ล่าสุด ได้แก่ 1.บจก. เวสเทิร์น ดิจิตอล สตอเรจ เทคโนโลยีส์ 2.บจก.โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย 3.บจก.ซิเลซติกา (ประเทศไทย) 4.บจก.โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง 5.บจก.มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) 6.บจก.ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) 7.บจก.เอ็มทีเอสโกลด์ 8.บจก.ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) 9.บมจ. เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) และ 10.บมจ.แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย)

ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลบริษัทส่งออก 10 อันดับแรกของไทยในปี 2567 ที่ได้นำส่งงบการเงินกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์แล้ว ได้แก่

บจก. เวสเทิร์น ดิจิตอล สตอเรจ เทคโนโลยีส์ มีรายได้รวมในปี 2567 ที่ 200,172.50 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 37,309.52 ล้านบาท เทียบกับปี 2566 มีรายได้รวม 206,513.14 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 26,654.92 ล้านบาท ภาพรวมปี 2567 บริษัทฯมีรายได้รวมลดลง 6,341 ล้านบาท แต่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 10,655 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน

บจก.โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย มีรายได้รวมในปี 2567 ที่ 443,821.53 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 32,888.07 ล้านบาท เทียบกับปี 2566 มีรายได้รวม 492,313.01 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 26,915.10 ล้านบาท ภาพรวมปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวมลดลง 48,492 ล้านบาท  แต่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 5,973 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน

บจก.ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) มีรายได้รวมในปี 2567 ที่ 125,073.35 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 3,711.80 ล้านบาท เทียบกับปี 2566 มีรายได้รวม 146,451.45 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 4,344.97 ล้านบาท ภาพรวมปี 2567 บริษัทฯมีรายได้รวมลดลง 21,378 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิลดลง 633  ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน

ส่วนบริษัทที่ยังไม่ได้ส่งงบการเงินประจำปี 2567 กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้แก่

บจก.ซิเลซติกา (ประเทศไทย) จากข้อมูลในปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 132,277.33 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 7,918.61 ล้านบาท เทียบกับปี 2565 บริษัทฯมีรายได้รวม 120,627.86 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 7,636.03 ล้านบาท โดยภาพรวมปี 2566 บริษัทฯมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 11,649 ล้านบาท  และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 283 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน

บจก.มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ปี 2566 มีรายได้รวม 162,338.27 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 4,639.38 ล้านบาท เทียบกับปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 169,773.79 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 5,548.27 ล้านบาท ภาพรวมปี 2566 บริษัทฯมีรายได้ลดลง 7,436 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิลดลง 909 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน

บจก.ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) ปี 2566 มีรายได้รวม 150,347.67 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 808.96 ล้านบาท เทียบกับปี 2565 บริษัทฯมีรายได้รวม 145,636.29 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,313.72 ล้านบาท ภาพรวมปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้น 4,711 ล้านบาท แต่มีกำไรสุทธิลดลง 505 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน

บจก.เอ็มทีเอสโกลด์ ปี 2566 มีรายได้รวม 683,493.28 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 54,205.61 ล้านบาท เทียบกับปี 2565 บริษัทฯมีรายได้รวม 617,105.78 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 35,001.22 ล้านบาท ภาพรวมปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้น 66,388 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 19,204 ล้านบาทเมื่อเทียบกับปีก่อน

บมจ. เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) ปี 2566 มีรายได้รวม 126,741.17 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 17,791.64 ล้านบาท เทียบกับปี 2565 บริษัทฯมีรายได้รวม 105,207.02 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 15,986.39 ล้านบาท ภาพรวมปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้น 21,534 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 1,805 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน

บมจ.แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) ปี 2566 มีรายได้รวม 117,026.20 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,115.60 ล้านบาท เทียบกับปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 122,255.86 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 810.29 ล้านบาท ภาพรวมปี 2566 บริษัทฯมีรายได้รวมลดลง 5,230 ล้านบาท แต่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 305 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน

อย่างไรก็ดีจากรายชื่อผู้ส่งออก 10 อันดับข้างต้น จะเห็นได้ว่า ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และค้าทองคำ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีราคาสูง และเป็นกลุ่มสินค้าส่งออกในลำดับต้น ๆ ของไทยมานานกว่า 20 ปี โดยคิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้รวมของการส่งออกของไทยกว่า 1 ใน 5  จากจำนวนผู้ส่งออกของไทยที่มีมากกว่า 3 หมื่นราย และส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี