รวมทั้งเชื่อมโยงกับแผนพัฒนาเกษตรกรรมระดับจังหวัดในการจัดทำ “แผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม” ให้เป็นไปตามกฎหมายดังกล่าว โดยจะเป็น “แผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม” ฉบับที่ 2 (2568-2573) ของไทย ที่เกษตรกรร่วมกันดำเนินการจัดให้มีขึ้นตามมาตรา 42 เมื่อสภาเกษตรกรแห่งชาติจัดทำแผนแม่บทแล้ว ให้เสนอนายกรัฐมนตรี พิจารณาวิเคราะห์ และกลั่นกรอง เพื่อเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (กำลังรอบรรจุวาระ) ซึ่งแผนแม่บทฉบับนี้มีความสำคัญต่ออนาคตของภาคการเกษตรไทยอย่างยิ่ง
“ฐานเศรษฐกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “นายนัยฤทธิ์ จำเล” ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ที่คาดหวังอย่างมากว่า แผนแม่บทฉบับนี้ จะเป็นเครื่องมือของรัฐในการกำหนดทิศทางการพัฒนาภาคเกษตรกรรมของประเทศไทย ที่จะทำให้เกษตรกรมีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และส่งผลต่อการยกระดับผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ภาคเกษตรของประเทศต่อไป
ลุยบริบทใหม่ 5 ปีเกษตรไทย
นายนัยฤทธิ์ กล่าวว่า นับตั้งแต่ได้เข้ามาบริหารสภาเกษตรกรแห่งชาติในปี 2566 ได้มีการเปลี่ยนแปลงทั้งกฎหมาย และองค์คณะต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาเกษตรกร จาก 16 คณะ ได้ปรับลดเหลือ 6 คณะ อาทิ คณะกรรมการแก้ไขปัญหาเกษตรกร, คณะกรรมการคุ้มครองและรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกร,คณะกรรมการจัดทำและขับเคลื่อนแผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม เป็นต้น ซึ่ง 6 คณะ จะมีการทำงานที่รวดเร็ว หากมีปัญหาอะไรจะลงพื้นที่ทันทีเพื่อเก็บรายละเอียดแล้วนำมาเสนอในเชิงนโยบายให้กับหน่วยงานต่างๆ
“ล่าสุดได้จัดทำแผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม ฉบับที่ 2 (2568-2573) เสร็จเรียบร้อยแล้ว สาระสำคัญได้ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ภาคเกษตรกรรมของโลก และสถานการณ์ปัจจุบันภาคเกษตรกรรมของไทย เพื่อฉายภาพฉากทัศน์ด้านต่างๆ ที่มีผลกระทบและเกี่ยวข้องกับอนาคตของภาคเกษตรกรรมไทย”
ทั้งนี้แผนแม่บทฯดังกล่าว ได้ผ่านกระบวนการ การมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ทั้งในระดับพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาควิชาการ ได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็น และจัดทำเป็นแผนแม่บทฯ จนสำเร็จลุล่วงครบถ้วนสมบูรณ์ มีวิสัยทัศน์ เป้าหมาย และทิศทางการพัฒนา ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ที่สามารถนำไปเป็นทิศทางเชิงนโยบายในการพัฒนาเกษตรกรรมของประเทศ และแปลงไปสู่การปฏิบัติผ่านแผนปฏิบัติการประจำปีของหน่วยงานที่เป็นกลไกของรัฐและภาคส่วนอื่น ๆ ได้อย่างแท้จริง และจะเป็นเครื่องมือสำคัญของภาครัฐในการกำหนดทิศทางการพัฒนาภาคเกษตรกรรมของประเทศไทย ที่จะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
“อาชีพเกษตรกร จะต้องก้าวสู่ยุคใหม่ ให้หลุดพ้นกับดักความยากจนให้ได้ ในฐานะที่เป็นประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติมา 2 ปี จะต้องดูทุกมิติ ทำงานให้เกิดประสิทธิภาพ ที่สำคัญสภาเกษตรกรฯขึ้นตรงกับ นายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลโดยตรง หนังสือที่นำเสนอไปในเรื่องต่างๆ ก็ได้ตอบรับจากนายกฯ ทำให้เกิดผลดีต่อพี่น้องเกษตรกร จากปัญหาได้รับการแก้ไขรวดเร็วและอย่างเข้าใจ”
ห่วงชาวนา-ไร่อ้อยถูกตัดช่วยเหลือ
นายนัยฤทธิ์ ยังให้ความเห็น กรณีที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ออกประกาศ เรื่องมาตรการเข้มงวดในการควบคุมการเผาในพื้นที่การเกษตรเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว ในเรื่องนี้ยอมรับว่ามีความกังวลอย่างมากต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเกษตรกร เพราะมาตรการมีบทลงโทษที่รุนแรง และส่งผลโดยตรงต่อเกษตรกรที่มีประวัติการเผา จะถูกตัดสิทธิการเข้าร่วมโครงการสนับสนุนหรือช่วยเหลือด้านต่างๆ ของกระทรวงเกษตรฯทุกโครงการเป็นเวลา 2 ปี ดังนั้นจึงขอวิงวอนให้เกษตรกรช่วยกันระมัดระวังในเรื่องดังกล่าวอย่างที่สุด เพราะการถูกตัดสิทธิความช่วยเหลือ จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อความเป็นอยู่ของครอบครัวเกษตรกร เฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และเกษตรกรต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากภาครัฐในหลายด้าน
เช่นเดียวกับเกษตรกรชาวไร่อ้อย ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาอ้อยค้างลานในพื้นที่หลายจังหวัดก่อนหน้านี้ จากยังมีการเผาอ้อยก่อนส่งเข้าโรงงานและรัฐบาลคุมเข้มโรงงานไม่ให้รับอ้อยเผาเข้าหีบ และให้รับเฉพาะอ้อยสดเท่านั้น ส่งผลให้เกษตรกรเผชิญความเสี่ยงที่อ้อยจะเสื่อมคุณภาพ แห้ง และขึ้นรา อันจะนำมาซึ่งความเสียหายต่อรายได้ในวงกว้าง ซึ่งสภาเกษตรกรฯ อยู่ระหว่างเร่งหาทางออกที่สมดุลและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย และสอดคล้องกับข้อกฎหมาย และเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรในพื้นที่
ตั้งศูนย์ประสานงานทุกจังหวัด
นายนัยฤทธิ์ กล่าวตอนท้ายว่า ได้สั่งการให้สภาเกษตรกรทุกจังหวัด ตั้งศูนย์ประสานงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งภายในศูนย์จะมีนักกฎหมาย ทนายความประจำศูนย์ หากเกษตรกรมีคดีอะไรให้รับหมดทุกคดี ไม่ต้องเสียเงิน ทั้งนี้ไม่อยากให้เกษตรกรถูกเอาเปรียบ จากความเข้าใจด้านกฎหมายอาจมีจำกัด นโยบายการบริหารสภาเกษตรกรแห่งชาติจากนี้ไปจะอยู่ใกล้ชิดกับเกษตรกรให้มากที่สุด
หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจปีที่ 44 ฉบับที่ 4,067 วันที่ 2 - 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568