สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ รายงานว่า ฮ่องกงประกาศใช้มาตรการใหม่ 3 ประการ เพื่อปกป้องวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จากความเสี่ยงในการขนส่งสินค้า ท่ามกลางความตึงเครียดจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ
โดยมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับแล้ว หลังจากประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 125% พร้อมทั้งประกาศพักการจัดเก็บภาษีชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน โดยกำหนดอัตราภาษี พื้นฐานที่ 10% สำหรับประเทศส่วนใหญ่
ทั้งนี้มาตรการประกอบด้วยการมอบส่วนลดเบี้ยประกัน 50% พร้อมขยายระยะเวลาความคุ้มครองโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย การประกันความเสี่ยงก่อนการส่งออก ช่วยคุ้มครองธุรกิจจากความเสียหายทางการเงิน หากคำสั่งซื้อ ถูกยกเลิกก่อนการจัดส่ง โดยเกิดจากสาเหตุฝั่งผู้ซื้อ เช่น การล้มละลาย การปฏิเสธสัญญา หรือความเสี่ยงในประเทศปลายทาง
สำหรับมาตรการทั้ง 3มาตรฐาน ออกโดยองค์การประกันสินเชื่อการส่งออกฮ่องกง โดยมีรายละเอียดดัง
Mr. Algernon Yau Ying-wah รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และการพัฒนาเศรษฐกิจของฮ่องกงได้หารือกับผู้แทนจากหอการค้าท้องถิ่น กลุ่ม SMEs และภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ เช่น อัญมณี สิ่งทอ อาหาร และอะลูมิเนียม เพื่อวางแนวทางรับมือร่วมกัน
พร้อมย้ำว่ากระทรวงพาณิชย์และการพัฒนาเศรษฐกิจจะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับภาคอุตสาหกรรมท้องถิ่น เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ และสนับสนุน SMEs ทั้งในด้านการเงิน การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และการแสวงหาตลาดใหม่ ผ่านโครงการและมาตรการสนับสนุนต่างๆ
ขณะที่ Ms. Agnes Chan Sui-kuen ประธานหอการค้าฮ่องกง เห็นว่า มาตรการเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ที่ต้องการขยายสู่ตลาดเกิดใหม่อย่างอาเซียนและตะวันออกกลาง“ผู้ประกอบการ SMEs ของฮ่องกงมีความยืดหยุ่นสูง พร้อมรับมือและคว้าโอกาสใหม่ ๆ เพื่อลดการพึ่งพาตลาดดั้งเดิม”
ด้านสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง ได้ให้ความคิดเห็นเพิ่มเติว่า ไทยและฮ่องกงสามารถพัฒนาโครงการร่วมกันในอุตสาหกรรม เช่น อัญมณี สิ่งทอ และอาหาร โดยอุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสงครามการค้า การผนึกกำลังระหว่าง SMEs ไทยและฮ่องกงจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางธุรกิจ และเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการขยายตลาด