ดร.ศุภชัย แก้วศิริ ประธานสภาวิสาหกิจชุมชนขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (สภาเอสเอ็มอีไทย) กล่าวเสริมว่าการเป็นเจ้าภาพร่วมระหว่างคณะกรรมาธิการการเงินการคลังฯ สภาผู้แทนราษฎร จ.สุรินทร์และสภาเอสเอ็มอีไทยในการจัดงาน "สุรินทร์ โมเดล เฟส2” ครั้งนี้ว่า สภาเอสเอ็มไทยต้องการส่งเสริมและช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยในหลากหลายรูปแบบ ภายใต้โครงการ”เอสเอ็มอี สมาร์ทโปรวิ้น”
ที่ต้องการผลักดันให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยได้มีโอกาสพัฒนาในเรื่องของการตลาด มีการแลกเปลี่ยนสินค้าภายในประเทศและการค้าชายแดนร่วมกัน จากยอดสถิติในปี 2564 ที่ผ่านมา ในขณะที่เกิดการระบาดของโควิด-19 ก็ยังมีตัวเลขยอดการค้าโดยรวม ของทุกด่านทั่วประเทศทั้ง 36 แห่งประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท
เพราะฉะนั้นก็จะทำให้แต่ละด่านสร้างมูลค่าที่ดีให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายกลางรายย่อยสามารถที่จะมีส่วนร่วมในยอดการค้าเหล่านี้ได้
สภาเอสเอ็มอีไทย ย้ำด้วยว่าเอสเอ็มอี สมาร์ทโปรวิ้นที่จะช่วยผู้ประกอบการรายย่อยนั้นได้มุ่งเน้นใน 3 เรื่องหลักได้แก่ การส่งเสริมใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม การหาช่องทางการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์และการเข้าถึงแหล่งทุนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยงานสุรินทร์โมเดล เฟส2 เราจะมุ่งเป้าใน 3เรื่องนี้เป็นหลัก โดยผ่านการสัมมนาในหัวข้อต่าง ๆ นอกจากยังสร้างโอกาสให้กลุ่มผู้ประกอบการเหล่านี้ในการจัดหาบูธแสดงสินค้าฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่โทร.08-1836-3684
“เราต้องช่วยกลุ่มผู้ประกอบการเหล่านี้ให้เขาอยู่รอดในวงจรธุรกิจต่อไป เพราะถ้าเขาอยู่ได้การพัฒนาเศรษฐกิจในระดับฐานรากก็จะมีความเข้มแข็ง จากข้อมูลตัวเลขผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทังประเทศขณะนี้มีอยู่ประมาณ 3 ล้านราย ในขณะที่มีการจ้างแรงงานมากถึง 13 ล้านคน เมื่อเศรษฐกิจระดับฐานรากเข้มแข็งก็จะทำให้เกิดการหมุนเวียนของเงินภายในประเทศตามมาด้วย”ประธานสภาเอสเอ็มอีไทย ย้ำทิ้งท้าย
ด้าน นายสมบัติ ศรีสุรินทร์ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎร และประธานจัดงานโครงการพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนไทย-กัมพูชาหรือ”สุรินทร์ โมเดล เฟส2”เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมาธิการการเงินการคลังฯ สภาผู้แทนราษฎรร่วมกับสภาวิสาหกิจชุมชนขนาดกลางและขนาดย่อมไทยหรือสภาSPC จ.สุรินทร์และหน่วยงานในเครือข่ายภาครัฐและภาคเอกชนเตรียมงานใหญ่ ณ ด่านช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ระหว่างวันที่ 23-25 กันยายน 2565 ภายใต้ชื่อ” ”สุรินทร์ โมเดล เฟส2 “
เนื่องจากสุรินทร์เป็นจังหวัดชายแดนที่มีเขตติดต่อกับประเทศกัมพูชา โดยมีประตูที่เป็นด่านชายแดนถาวรชื่อว่าด่านช่องจอมอยู่ในอ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
โดยด่านแห่งนี้เปิดเป็นด่านถาวรมากว่า 10 ปีแล้ว แต่ว่าศักยภาพของด่านช่องจอมที่เป็นประตูเชื่อมโยงกับประเทศกัมพูชาและต่อไปยังเวียดนาม ซึ่งเป็นประตูการค้าสำคัญที่สามารถเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอีสานได้ทั้งหมด ไม่เฉพาะจ.สุรินทร์ เพียงแต่ยังไม่เป็นที่รับรู้ของประชาชนโดยทั่วไปมากนัก ทำให้โอกาสเกิดเศรษฐกิจที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อประเทศไม่ได้เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ตามมากนัก
“เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ผมในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการเงินการคลังฯ เห็นว่าประเทศของเราในยามที่โลกมีปัญหาเรื่องของสงครามการค้า มีการกีดกันทางการค้า มีการตั้งกติกาต่าง ๆ ขึ้นมากมาย รวมถึงการขนส่งก็มีปัญหา กรรมาธิการเราก็เห็นว่าวิธีที่ช่วยเศรษฐกิจได้มากก็คือช่วยผลักดันประเทศไทยสามารถส่งออกสินค้าและนำเข้าสินค้าที่เป็นวัตถุดิบเข้ามาในประเทศเรา โดยการส่งเสริมให้เข้าใจและรับรู้ถึงศักยภาพของด่านชายแดนของประเทศไทยทั้ง 36 แห่ง ถ้าประเทศไทยสามารถดำเนินการทางการค้าและรัฐบาลให้ความสำคัญและส่งเสริมก็จะช่วยเศรษฐกิจของประเทศได้มาก”นายสมบัติเผย
ประธานคณะกรรมาธิการการเงินฯ เปิดเผยต่อว่าในฐานะที่ตนเป็นสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุรินทร์ จึงอยากผลักดันช่องจอมเป็นด่านนำร่อง และต้องการผลักดันเรื่องนี้ให้สำเร็จ เนื่องจากเมื่อ 3 ปีที่แล้ว กรรมาธิการการเงินการคลังฯได้ร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการผลักดันการค้าชายแดนให้มีศักยภาพตามที่ควรจะเป็น จึงได้เชิญหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องมาบูรณาการร่วมกันในการจัดงาน”เปิดบ้านเมืองสุรินทร์ ขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก
ทั้งนี้เนื่องจากจ.สุรินทร์มีความเหมาะสมในหลาย ๆ ด้าน ทั้งทางด้านภูมิศาสตร์และสภาพพื้นที่ตั้งอยู่ห่างจากจ.เสียมเรียบของประเทศกัมพูชาประมาณ 150 กิโลเมตรเท่านั้น สามารถขนส่งสินค้าจากประเทศไทยผ่านไปยังกรุงพนมเปญ เมืองหลวงกัมพูชาและทะลุไปโฮจิมินทร์ ประเทศเวียดนามใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น หากใช้ช่องทางนี้สินค้าจากภาคอีสานของไทยจะสามารถเดินด้วยระยะทางที่ใกล้ที่สุด เป็นการย่นระยะการเดินทางโดยไม่ต้องอ้อมไปทางด่านปอยเปต จ.สระแก้วเหมือนทุกวันนี้
“ปกติเวลาจะไปกัมพูชาทีไรต้องวิ่งอ้อมไปทางสระแก้ว ถ้าอยู่อีสานมาทางด่านช่องจอมใกล้กว่าเยอะ เพราะจากช่องจอมไปหานครครวัด จ.เสียมเรียบระยะทาง 150 กิโลเมตร เดี๋ยวนี้ถนนหนทางดีแล้วลาดยางตลอด รถเก๋วิ่งชั่วโมงเดียว ถ้าเป็นรถตู้ 2 ชั่วโมง จากเสียมเรียบวิ่งเข้าพนมเปญอีก 2 ชั่วโมงจากพนมเปญไปโฮจิมินต์ เวียดนาม ประมาณ 40 นาทีเท่านั้น”ประธานคณะกรรมาธิการการเงินการคลังฯ สภาผู้แทนฯกล่าว
นายสมบัติเผยต่อว่าวันนี้ที่ด่านช่องจอมยังมีการซื้อขายสินค้ากันปกติผ่านช่องทางนี้ไปยังกัมพูชาและเวียดนาม ทั้งไก่บ้าน สุกร แพะ เนื้อโควากิวที่เลี้ยงกันมากในจ.สุรินทร์และหลายจังหวัดในภาคอีสาน ขณะเดียวกันก็จะมีสินค้าจากเวียดนามและกัมพูชาส่งกลับมายังประเทศไทย โดยผ่านทางด่านช่องจอมนี้เช่นกัน
เพียงแต่ที่ผ่านมาการขนส่งผ่านช่องทางนี้ยังมีจำนวนไม่มากพอเมื่อเทียบกับด่านอื่น ๆ ทั้งนี้เนื่องจากยังมีคนรู้จักน้อย ดังนั้นการจัดงานสุรินทร์ โมเดล เฟส2 ครั้งนี้คาดว่าจะทำให้ประชาชนทั่วไป และผู้ประกอบการรู้จักด่านแห่งนี้มากยิ่งขึ้น