หลังจากที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 5ค่าย ไทย-ญี่ปุ่น “มาม่า-ไวไว-ยำยำ-นิชชิน-ซื่อสัตย์” ผนึกกำลัง แจงวิกฤตต้นทุนแป้ง-น้ำมัน-พลาสติก หนักกว่า น้ำท่วม-วิกฤตแป้งสาลี พร้อมร่วมลงนามยื่นหนังสือเร่งกรมการค้าภายในไฟเขียว ปรับราคาขาย 8 บาท เนื่องจากต้นทุนแป้งสาลีเพิ่มขึ้น 20-30% น้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้นเท่าตัว รวมถึงยังมีบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่เพิ่มขึ้น 12-15%
ทำให้ต้นทุนของมาม่าเพิ่มขึ้นเกือบ 2 บาทต่อซองยังไม่รวมบรรจุภัณฑ์และสินค้าเกษตรสำหรับผลิตเครื่องปรุงรส รวมถึงค่าแรงที่อาจมีการปรับขึ้นในอนาคต ทำให้ปัจจุบันผู้ผลิตบางราย เช่น ไวไว (บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด) และยำยำ (บริษัท วันไทย อุตสาหกรรมอาหาร จำกัด) ขาดทุนในบางเดือน เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงกว่าราคาขายปลีก
ล่าสุดนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการหารือกับ 3ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ประกอบด้วยบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดท์ จำกัด (มหาชน) ยี่ห้อ มาม่า บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ยี่ห้อ ไวไว และบริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร จำกัด ยี่ห้อ ยำยำ ว่า จากการหารือร่วมกันได้ข้อสรุปว่ากรมการค้าภายในอนุญาติให้ผู้ผลิตทั้ง3รายปรับขึ้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ไม่เกินซองละ1บาท ในขนาดซอง6บาท เป็นซองละ7บาท โดยจะมีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้(25สิงหาคม2565)เป็นต้น
ภายใต้เงื่อนไข เมื่อต้นทุนการผลิตสินค้ามีการปรับลดลง ราคาต้องปรับราคาลดลงด้วย ซึ่งกรมฯได้ให้ผู้ผลิตรายงานต้นทุนการผลิตและต้นทุนวัตถุดิบมายังกรมฯและกรมจะติดตามอย่างใกล้ชิดและยืนยันว่าจะไม่มีการลดปริมาณและคุณภาพของบะหมี่ถึ่งสำเร็จรูปโดยเด็ดขาด
“การที่กรมให้ผู้ผลิตปรับขึ้นราคาอยู่ภายใต้วิน-วินโมเดลคือผู้ผลิตอยู่ได้ ผู้บริโภคก็ต้องอยู่ได้ และหากต้นทุนการผลิตลดลง ราคาก็ต้องลดลงมา เพราะการอนุมัติให้ขึ้นราคาไม่เกิด1บาทถือว่าสมเหตุสมผล จากที่ขอมา2บาท เพพราะมองว่าการขึ้นราคา2บาทหรือซองละ8บาทจะสร้างความเดือนร้อนให้กับผูบริโภคมากเกินไป ส่วนผู้ผลิตอีก1รายคือ นินชินนั้น อยู่ระกว่างการพิจารณาแต่จะอยู่ในเงื่อนไขเดียวกับ3รายนี้ ส่วนอีกรายอยู่ระหว่างการยื่นเอกสาต้นทุนการผลิต”
ด้านผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกล่าวว่า 18เดือนที่ทางผู้ผลิตยื่นเรื่องขอปรับขึ้นราคา2บาท แล้วได้1บาทนั้นพอใจหรือไม่นั้นถ้ามองว่าเป็นเรื่องที่ดีก็ดี ถ้ามองว่าไม่ดีก็ไม่ดีในแง่ของกำไรขาดทุน แต่18เดือนที่ผู้ผลิตยื่นขอมาแล้วทางกระทรวงพาณิชย์ให้ปรับขึ้น1บาทก็ถือว่ารับได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าถามว่าพอใจหรือไม่ เป็นเรื่องของความรู้สึก และยืนยันว่าจะไม่มีการปรับลดปริมาณและคุณภาพลง ส่วนจะมีการขอปรับขึ้นอีกหรือไม่นั้น ตอบยากเพราะอยู่ที่ต้นทุนการผลิตว่าจะพุ่งสูงขึ้นไปอีกหรือไม่ ส่วนขนาดไซต์ที่จะปรับขึ้นคือขนาด50กรัม 60กรัม70กรัมแล้วแต่ยี่ห้อ ส่วนต้นทุนของผู้ผลิตขึ้นมากี่เปอร์เซ็นนั้นต้องดูเป็นรายการแต่ไม่สามารถตอบได้