นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานหอการค้าไทย เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจ”ว่า หลังจากที่คณะกรรมการค่าจ้างมีมติปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของปี2565 ซึ่งจะมีผลในวันที่1ตุลาคมนี้นั้น ต้องบอกว่าผลกระทบมีแน่นอนแต่จะมีเป็นส่วนๆ ธุรกิจที่มีกิจกรรมที่ใช้แรงงานจำนวนมาก
และมีการพัฒนาฝีมือแรงงานทักษะสูงจะไม่ได้รับผลกระทบตรงนี้มากเพราะค่าแรงของกลุ่มนี้จะค่อนข้างสูง ส่วนแรงงานขั้นต่ำ หรือแรงงานที่เพิ่มงเข้ามาทำงาน ควรมีการเร่งพัฒนาฝีมือให้มีประสิทธิภาพสูงเพื่อความเสี่ยงที่จะถูกเลิกจ้างได้
“การขึ้นค่าแรงที่จะมีผลในเดือนตุลาคมนี้ ถ้าเป็นบริษัทที่มีการใช้เครื่องจักรมากกว่าแรงงานคนจะไม่ได้รับผลกระทบมาก ที่จะได้รับผลกระทบที่สุดคือ กลุ่มเอสเอ็มอี ที่ใช้แรงงานที่ไม่ต้องมีฝีมือมากซึ่งทำให้เขามีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากค่าแรง ดังนั้นแรงงานเองต้องพัฒนาทักษะฝีมือให้มีประสิทธิภาพขึ้นไปอีก ซึ่งภาครัฐและเอกชนต้องช่วยกันหาทางออกและหาแนวทางช่วยเหลือกลุ่มเอสเอ็มอีที่กำลังจะฟื้นตัว”
ส่วนจะมีแรงงานตกงานเพิ่มมากขึ้นหลังมีการปรับอัตราค่าแรงใหม่หรือไม่นั้นตอบยากเพราะแรงงานบางส่วนมีการพัฒนาฝีมือขึ้นไปมาก แต่ก็มีบางส่วนที่ตกงาน แต่เนื่องจากว่าปัจจุบันไทยยังขาดแคลนแรงงานอยู่ดังนั้นการได้เห็นการว่างงานของแรงงานน่าจะน้อยยกเว้นว่าแรงงานนั้นมีการเลือกงานก็อาจจะทำให้มีการว่างงานได้ ส่วนราคาสินค้าจะมีการปรับเพิ่มขึ้นตามค่าแรงที่สูงขึ้น มองว่าผู้ประกอบการไม่ควรผลักภาระไปที่ผู้บริโภคเพราะการขึ้นค่าแรงมีทางออกอยู่มีการนำเครื่องจักรเข้ามาใช้ในการผลิตสินค้าซึ่งกระทบกับต้นทุนไม่มาก