นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เปิดเผยว่า หลังจากทีรัฐบาลมีนโยบายผลักสินค้าสินค้าทีเกี่ยวกับBCG ในการขยายตลาดส่งออกสินค้าไทยนั้น ซึ่งล่าสุดจากความพยายามของกระทรวงพาณิชย์ในการผลักดันผู้ประกอบการกลุ่มสินค้า BCG ภายใต้โครงการ “ส่งเสริมเกษตรกร ผู้ประกอบการไทย เร่งต่อยอดใช้ประโยชน์ FTA หรือ ThEP for FTA MARKET” จำนวน 19 ราย
ซึ่งเป็นต้นแบบในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG และเทรนด์ของตลาดโลก โดยผลักดันให้ผู้ประกอบการสินค้ากลุ่ม BCG ซึ่งเป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) สามารถขยายการส่งออกโดยใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี FTA ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่จะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจและขยายตลาดเป้าหมายได้อย่างยั่งยืนต่อไป เข้าร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) กับคู่ค้าในกลุ่มประเทศ RCEP
ได้แก่ ญี่ปุ่น และอาเซียน รวมทั้งคู่ค้าในประเทศ อาทิ Top Supermarket TV Direct และ Platform e-Commerce Thailand mall ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยมีการจับคู่ธุรกิจมากกว่า 90 คู่ และคาดว่าจะมียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นมากกว่า 20 ล้านบาท ภายในปีหน้า
ด้านนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กิจกรรมจับคู่ธุรกิจครั้งนี้ มีคู่ค้าให้ความสนใจกับสินค้าที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมจำนวนมาก โดยกลุ่มสินค้าและบริการที่ได้รับความสนใจและได้ตกลงซื้อขายร่วมกัน ได้แก่ เครื่องดื่มน้ำนมข้าว เส้นก๋วยเตี๋ยวทำจากไข่ขาว มะพร้าวอบแห้ง
ขนมทองม้วน ขนมอบกรอบจากดักแด้ไหม ผลไม้อบกรอบ ผงคามูคามู ผงกระชายขาว ผงชาไทยเพื่อสุขภาพ มันหวานญี่ปุ่นทอดกรอบ รองเท้าและกระเป๋าหนังเทียม รองเท้าผ้าใบแบบหนังเทียม เสื้อผ้าผลิตจากวัสดุผลไม้ ผ้าคอตตอนออร์แกนิคและผ้ารีไซเคิล รองเท้าแฮนด์เมดจากไม้และผ้า ธัญพืชอัดแท่ง และผ้าคลุมโต๊ะปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ
ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนการใช้ประโยชน์จาก FTA ที่ไทยทำกับคู่ค้า 14 ฉบับ กับ 18 ประเทศ รวมทั้งความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) เพื่อเพิ่มโอกาสขยายการส่งออกสินค้าไปยังตลาดโลกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเกษตรกรและผู้ประกอบการไทยสามารถใช้เป็นแต้มต่อทางการค้าได้ ซึ่งประเทศคู่ค้าได้ยกเว้นหรือลดภาษีนำเข้าให้กับสินค้าส่วนใหญ่จากไทยแล้ว