ไทยรั้งเบอร์2 ส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น5.36%

นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย  เปิดเผยถึงการส่งออกข้าวในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-กรกฎาคม 2565) มีปริมาณ 4,085,198 ตัน มูลค่า 71,105.4 ล้านบาท (2,127.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) โดยปริมาณเพิ่มขึ้น 53.6% และมูลค่าเพิ่มขึ้น 41.9% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปี 2564 ที่ส่งออกปริมาณ 2,659,012 ตัน มูลค่า 50,108.3 ล้านบาท (1,646.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

โดยการส่งออกข้าวในเดือนกรกฎาคม 2565 มีปริมาณ 578,177 ตัน มูลค่า 10,173.2 ล้านบาท โดยปริมาณและมูลค่าส่งออก ลดลง 24.3% และ 22.5% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2565 ที่มีปริมาณ 764,131 ตัน มูลค่า 13,129.5 ล้านบาท เนื่องจากในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามีช่วงวันหยุดติดต่อกันหลายวัน

ประกอบมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้การขนถ่ายสินค้าขึ้นเรือต้องล่าช้ากว่ากำหนด จึงทำให้การส่งออกข้าวทุกชนิดมีปริมาณลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยในเดือนกรกฎาคม   มีการส่งออกข้าวขาวปริมาณ 313,023 ตัน ลดลง 22.9% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน

ส่วนใหญ่ส่งไปยังประเทศอิรัก ฟิลิปปินส์ โมซัมบิก ญี่ปุ่น สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก มาเลเซีย เป็นต้น ขณะที่ข้าวนึ่งมีการส่งออกปริมาณ 115,658 ตัน ลดลง 17.5% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ส่วนใหญ่ยังคงส่งไปยังตลาดหลักในแอฟริกาและตะวันออกกลาง เช่น แอฟริกาใต้ เบนิน ตูนิเซีย เป็นต้น ส่วนการส่งออกข้าวหอมมะลิ (ต้นข้าว) มีปริมาณ 67,110 ตัน ลดลง 35.4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยส่งไปยังตลาดประจำ เช่น สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง แคนาดา สิงคโปร์ ออสเตรเลีย เป็นต้น

โดยอินเดียยังเป็นผู้ส่งออกข้าวในช่วง7เดือน(ม.ค.-ก.ค.)เบอร์1ของโลก ปริมาณ10.31ล้านตัน ลดลงจากช่วงเดียวกันจากปีก่อน4% ส่วนไทยยังรั้งส่งออกข้าวเบอร์2ของโลก มีปริมาณ4.09ล้านตัน เพิ่มขึ้น5.36% ช่วงเดียวของปีก่อน เวียดนามยังคงเป็นเบอร์3 โดยมีปริมาณส่งออก4.07ล้านตัน เพิ่มขึ้น16.7%ของช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนปากีสถานส่งออกในปริมาณ2.35ล้านตัน เพิ่มขึ้น26.5%และสหรัฐอเมริกา ส่งออกได้ปริมาณ1.40ล้านตันลดลง18.1%ของช่วงเดียวกันของปีก่อน

จากการที่ในช่วงนี้ยังคงมีอุปสรรคจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยเพราะยังคงมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้การส่งมอบข้าวประสบปัญหาล่าช้ากว่ากำหนด สมาคมฯจึงคาดว่าในเดือนสิงหาคม 2565 การส่งออกข้าวจะอยู่ที่ระดับประมาณ 600,000-650,000 ตัน ในขณะที่ผู้ส่งออกยังคงมีสัญญาที่ค้างส่งมอบจากเดือนก่อนพอสมควร โดยเฉพาะตลาดสำคัญในตะวันออกกลาง เช่น อิรัก ตลาดเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ ตลาดแอฟริกา

เช่น แอฟริกาใต้ เบนิน โมซัมบิก        แองโกล่า ตลาดอเมริกา เช่น สหรัฐฯ แคนาดา เป็นต้น ทางด้านภาวะราคาข้าวของไทยในช่วงนี้มีแนวโน้มปรับลดลงตามทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้ราคาข้าวขาว 5% ของไทย ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2565 อยู่ที่ 428 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน     

 ขณะที่ราคาข้าวขาว 5% ของเวียดนาม 393-397 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน      อินเดีย 338-342 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน  และปากีสถาน 378-382 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน      ส่วนราคาข้าวนึ่งไทยอยู่ที่ 442 ดอลล์สหรัฐฯต่อตัน ขณะที่ข้าวนึ่งของอินเดีย378-382 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และปากีสถานอยู่ที่ 398-402 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน