นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจาของนายนพพล เหลืองทองนารา ส.ส. พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 4 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) ที่รัฐสภาว่าที่สมาชิกได้สอบถามถึงความชัดเจนของนโยบายประกันรายได้เกษตรกรปีที่ 4 หรือปีนี้
และให้ความเห็นว่าไม่เคยมีความชัดเจนและล่าช้า ขอเรียนว่า นโยบายประกันรายได้เกษตรกรมีความชัดเจนมาตั้งแต่ต้น เป็นนโยบายที่ดำเนินการต่อเนื่องมาตลอดระยะเวลา และนโยบายนี้ได้ประกาศเป็นนโยบายของรัฐบาลที่แถลงไว้ต่อที่ประชุมรัฐสภาแห่งนี้ ผูกพันรัฐบาล รัฐบาลดำเนินนโยบายนี้มาตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา
และปีนี้กำลังขึ้นสู่ปีที่ 4 ซึ่งขออนุญาตเรียนว่าไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ รัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนนโยบายประกันรายได้เกษตรกร ซึ่งมีพืช 5 ชนิด คือ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมันและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
โดยเฉพาะข้าว ขณะนี้ได้ผ่านที่ประชุมคณะอนุกรรมการด้านการตลาดที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คือเป็นประธานเรียบร้อยแล้วและกำลังจะเข้าสู่คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ หรือ นบข.ในวันที่ 8 กันยายนนี้ ถ้าผ่านจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งโครงการนี้จะเริ่มจ่ายเงินส่วนต่างตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 65 ซึ่งเหลือเวลาอีกประมาณหนึ่งเดือนครึ่ง
กระบวนการไปตามนี้ได้ทันเวลาอยู่แล้วและมีความชัดเจนรวมทั้งมาตรการอื่น เช่น มาตรการคู่ขนาน ที่ดำเนินการมาโดยต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเก็บสต๊อกข้าวที่เรียกว่าชะลอขายของเกษตรกร ตันละ 1,500 บาท รวมทั้งช่วยดอกเบี้ย 3% ให้กับเกษตรกร กลุ่มสหกรณ์เกษตรกร ที่เก็บสต๊อกข้าวไว้ในช่วงที่ข้าวออกเยอะ
และช่วยโรงสี ดอกเบี้ยร้อยละ 3 เช่นเดียวกัน และไร่ละ 1,000 บาท ครอบครัวละไม่เกิน 20 ไร่ ได้ผ่านที่ประชุมอนุกรรมการด้านการตลาดที่มีการประชุมมาแล้วเช่นเดียวกัน รอที่จะเข้าสู่การพิจารณาของกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติเช่นเดียวกัน
“อย่างน้อยผ่านที่ประชุมอนุกรรมการแล้ว แต่จะตอบตรงนี้ก่อนที่กรรมการ นบข.ประชุม ตนไม่อยู่ในฐานะจะไปตอบ เพราะทั้งหมดอยู่ที่คณะกรรมการซึ่งมีท่านนายกฯเป็นประธานมีตนเป็นกรรมการและมีสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรฯ หลายหน่วยงานที่อยู่ในนั้นให้เป็นผู้พิจารณา”
อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่า นโยบายประกันรายได้ข้าวควรจะต้องผ่าน เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาลที่แถลงไว้กับรัฐสภาและวงเงินงบประมาณทั้งหมดที่เสนอไป 150,000 ล้านบาทโดยประมาณ ใช้เงินไม่น้อยในการตั้งใจช่วยเหลือเกษตรกร ขึ้นอยู่กับนโยบายการเงินการคลังซึ่งมีประกาศกำหนดเพดานไว้ว่าต้องไม่เกิน 35% ซึ่งกระทรวงการคลังมีระบบบริหารจัดการเช่นทุกปีที่สามารถจัดสรรให้ผ่านพ้นไปได้ แม้บางช่วงอาจจะขลุกขลักบ้างเพราะอาจติดเรื่องเพดาน 30% 35% ซึ่งท่านรับทราบ สุดท้ายชาวนาก็จะได้รับเงินส่วนต่างตามที่ได้กำหนดไว้
“ประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 4 มีแน่ยืนยันตรงนี้ แต่ต้องรอผ่านขั้นตอนกระบวนการให้ครบถ้วนตามกระบวนการทั้งหมด ไร่ละ 1,000 คณะกรรมการที่ตนเป็นประธานเสนอแล้ว ขอเรียนว่าตนกับท่านเป็นผู้แทนราษฎรเหมือนกัน ท่านเป็นห่วงชาวนาตนก็เป็นห่วงชาวนา ตนเป็นผู้แทนราษฎรเหมือนท่านไม่ต้องกังวลว่าตนจะไม่พยายามช่วยดูแลผลักดันให้เกิดสิ่งนี้ขึ้น เพราะทั้งหมดเป็นผลประโยชน์ของเกษตรกร ขอให้มั่นใจว่าเราเป็นผู้แทนเป็นตัวแทนเกษตรกรเหมือนกัน ไม่ต้องห่วงหัวใจเท่ากัน ที่ต้องการช่วยเกษตรกรโดยเฉพาะชาวนาผู้ปลูกข้าว”