นายภาวี โพธิ์ยี่ รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (sacit) เปิดเผยว่า ในปี 2566 sacit มีแผนผลักดันการสร้างวัฒนธรรมการใช้ศิลปหัตถกรรมไทยเข้าสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มคน Gen Y ที่อยู่ในช่วงวัย 25–40 ปี ซึ่งมีบทบาทและอิทธิพลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ให้หันมาใช้งานศิลปหัตถกรรมมากขึ้น โดยจะใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพล (Key Opinion Leader) ซึ่งได้แก่ ดารา นักแสดง และนักร้อง มาเป็น Friend of sacit เพื่อช่วยโปรโมตงานศิลปหัตถกรรม ทั้งนำไปใช้เอง หรือช่วยประชาสัมพันธ์ และดึงดูดให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจ และใช้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะใช้สื่อโซเชียลมีเดียเป็นช่องทางสื่อไปยังคนรุ่นใหม่ เช่น แพลตฟอร์ม Tiktok , Facebook , Instagram เพื่อสร้างให้กลุ่มคนรุ่นใหม่เกิดทัศนคติที่ดี เกิดความภาคภูมิใจในงานศิลปหัตถกรรมไทย ซึ่งเป็นภูมิปัญญาและรากฐานสำคัญอันเป็นอัตลักษณ์ของชาติ ซึ่งค่านิยมและวัฒนธรรมงานศิลปหัตถกรรมเหล่านี้ จะถูกส่งต่อสร้างกระแสออกไปในผู้คนในสังคมได้เพื่อให้เกิดเครือข่ายงานศิลปหัตถกรรมไทยขนาดใหญ่ต่อไป รวมทั้ง สามารถใช้เป็น Soft Power ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับฐานรากได้
“ไทยสามารถใช้งานศิปลหัตถกรรม เป็น Soft Power ได้ เพราะสินค้าที่ผลิตจากภูมิปัญญา มีคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรม มีความเป็นเอกลักษณ์ เป็นวิถีชีวิตและความเป็นไทยในด้านต่าง ๆ หากทำให้คนเห็นถึงความสำคัญ และหันมาซื้อ มาใช้งานศิลปหัตถกรรมมากขึ้น ไม่เพียงแต่จะช่วยขับเคลื่อน Soft Power แต่ยังจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับฐานรากของประเทศด้วย”
ด้านน.ส.ศิรินทร์ทิพย์ ศรีใหม่ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารภาพลักษณ์และจัดการวัฒนธรรมศิลปหัตถกรรม sacit กล่าวว่า ปีก่อนหน้านี้ sacit ได้ดึงดารา นักแสดง มาเป็น Friend of sacit เช่น เบลลา ราณี แคมเปน , แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์ , นาย ณภัทร เสียงสมบุญ ซึ่งดาราเหล่านี้ ได้ช่วยโปรโมตงานศิลปหัตถกรรม เวลาใช้อะไร ถือกระเป๋าอะไร ใส่เสื้อผ้าอะไร คนก็จะติดตาม และอยากใช้ตาม
ที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จ ทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ รู้จักและหันมาใช้งานศิลปหัตถกรรมมากขึ้น และในปี 2566 จะเดินหน้าหา Friend of sacit ต่อ ตั้งเป้าไว้อยากได้ ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า blackpink หรือไม่ก็ดนุภา คณาธีรกุล หรือมิลลิ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ แต่ขอจีบไว้ก่อน sacit มีงบประมาณไม่มาก เพราะเป็นหน่วยงานราชการ แต่ก็อยากให้มาช่วยงาน
ส่วนการดึงดาวติ๊กตอก มาช่วยโปรโมต จะเน้นกลุ่มที่เป็นไมโคร อินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งที่ผ่านมา เคยเชิญครูในต่างจังหวัด ที่นิยมใส่ผ้าไทย และเป็นดาวติ๊กตอก มาช่วยโปรโมตผ้าไทย ซึ่งประสบความสำเร็จ มีคนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และปี 2566 ก็จะทำต่อ เพราะเป็นช่องทางที่จะเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ และน่าจะเข้าถึงได้ทุกกลุ่มด้วย