‘ริช สปอร์ต’สดใส ธุรกิจเกาะเทรนด์โตเพิ่มแบรนด์ใหม่

10 ต.ค. 2560 | 04:30 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ต.ค. 2560 | 11:30 น.
RSP เน้นจัดจำหน่าย หาสินค้าต่างประ เทศมาให้ลูกค้าเลือกซื้อ โกยกำไร โดยไม่ต้องลงทุนใหญ่สร้างโรงงาน ธุรกิจรองเท้าปรับราคาขาย 10-15% ทุกปี หนุนการเติบโต พร้อมขายหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เดือนพฤศจิกายนนี้

นางสาวพาพิชญ์ วงศ์ไพฑูรย์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ริช สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ RSP ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยภายใต้ตราสินค้า Converse ในรองเท้า เสื้อผ้า และเครื่องแต่งกาย อื่นๆ และเพิ่งได้รับสิทธิภายใต้ตราสินค้า Pony จากฮ่องกง เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะเสนอขายหุ้นให้ประชาชนครั้งแรก (ไอพีโอ)จำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาทเพื่อเข้าตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2560 ขณะนี้อยู่ระหว่างการ นำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ให้กับนักลงทุนในต่างจังหวัด ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี เพราะผลการดำเนินงานที่ดีที่ผ่านมาและโอกาสในการเติบโตในระยะยาว

[caption id="attachment_217063" align="aligncenter" width="340"] พาพิชญ์ วงศ์ไพฑูรย์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ริช สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ RSP พาพิชญ์ วงศ์ไพฑูรย์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ริช สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ RSP[/caption]

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า สินค้าของบริษัทอยู่ในเทรนด์และตลาดมีการเติบโตขึ้นทุกปี อุตสาหกรรมโดยรวมของ Sport wear สูงถึง 4.6 หมื่นล้านบาท ผู้ผลิตรองเท้าทั่วโลกมีการปรับราคาขึ้นทุกปี 10-15% และแบรนด์ Converse ก็เป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี โดยเฉพาะรองเท้าเป็นที่นิยมของวัยรุ่น เด็กมหาวิทยาลัย วัยเริ่มทำงาน ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ในราคาที่เหมาะสม ขั้นตํ่าอยู่ที่ 1,600 บาท กระเป๋า ราคาไม่แพง 400-500 บาท ส่วนเป้ ประมาณ 900 บาท

สำหรับเงินไอพีโอ บริษัทจะใช้ในการลงทุนเรื่องเพิ่มช่องทางการจัดจําหน่าย ต่อไปจะไม่ลงทุนขนาดใหญ่ในเรื่องเครื่องจักรและโรงงานอีกแล้ว หลังจากปี 2554 เริ่มมีการนำเข้าสินค้ามาจาก จีน อินโดนีเซียและเวียดนาม ซึ่งได้รับอัตราผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับการผลิตเอง คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 50-53% และอัตรากำไรสุทธิ 20% และสินค้ามีความหลากหลายให้ลูกค้าเลือกซื้อ โดยใช้พนักงานไปเรื่องจัดจำหน่าย เพิ่มยอดขาย เพื่อให้ผลงานเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

“เรามีเป้าหมายในการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้ชื่อเสียงได้รับการยอมรับในวงกว้างยิ่งขึ้นและยังช่วยให้การหาแบรนด์ใหม่ได้ง่ายภายใต้เงื่อนไขที่ดีขึ้นด้วย หลังจากได้สิทธิ Converse และ Pony ซึ่ง Pony เพิ่งเริ่มเมื่อเดือนกันยายน 2560 มีสัญญา 5 ปี เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายในประเทศไทย, กัมพูชา และสปป.ลาว” นางสาวพาพิชญ์กล่าว

ด้านผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปี (2557-2559) บริษัทมีรายได้และกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 30% ต่อปี และมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่เพียงแค่ 0.2 เท่า ปัจจุบันมีร้านค้าปลีกจำนวน 41 แห่ง และเคาน์เตอร์จำหน่ายในห้างสรรพสินค้า 114 แห่ง ปกติจะมีการเปิดสาขาใหม่ปีละ 5-8 สาขา ค่าตกแต่งสาขาละ 2-3 ล้านบาท และใช้เวลาเพียง 1 ปีเศษก็มีรายได้คุ้มทุนแล้ว นอกจากนี้ยังมีการขายส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าที่เป็นร้านจำหน่ายเสื้อผ้า รองเท้า และอุปกรณ์กีฬา

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,303 วันที่ 8 - 11 ตุลาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว