ตลาดหลักทรัพย์ไทยมีความโดดเด่นในหลายด้านเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียด้วยกัน โดยเฉพาะเรื่องอัตราตอบแทนเงินปันผลสูง ที่ให้สูงกว่า 3% ในช่วงก่อนหน้านี้และเมื่อดัชนีหุ้นปรับตัวขึ้น ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2560 ก็มาอยู่ที่ระดับ 2.85% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียที่ระดับ 2.56%
ปัจจัยที่สนับสนุนให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง เป็นเพราะความแข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่มีความสามารถในการทำกำไรสูง แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจในประเทศจะชะลอลงมากก็ตาม เนื่องจากมีการขยายการลงทุน ขยายตลาดไปยังต่างประเทศมากขึ้น ขณะเดียวกันยังใช้เครื่องมือทางการเงินที่มีความหลากหลายและมีต้นทุนตํ่ามาลงทุนแทนที่จะใช้กระแสเงินสดที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานมาขยายการลงทุนใหม่
ส่วนหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูงๆ ที่มีอยู่จำนวนมาก แต่นักลงทุนไม่รู้จะเลือกว่าตัวไหนให้ผลตอบแทนสูงอย่างต่อเนื่อง เหมาะสำหรับการถือลงทุนในระยะยาว ตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้จัดสรรรายชื่อหุ้นปันผลโดดเด่นในช่วง 3 ปีล่าสุด (2557-2559) มาให้พิจารณา จำนวน 191 บริษัท จากบริษัททั้งหมด 662 บริษัทในทั้ง 2 ตลาด ภายใต้หลักเกณฑ์การคัดเลือกได้แก่ ความสามารถในการทำกำไร คือมีกำไรสุทธิโตต่อเนื่องทุกปี ความอยู่รอดของกิจการ คือมีกระแสเงินสดเป็นบวก การจ่ายเงินปันผลที่เกิดจากกำไรจากการดำเนินงานในปีนั้นๆ และสุดท้ายคือบริษัทจะต้องมีคะแนนบรรษัทภิบาล อยู่ในระดับ “ดี” ขึ้นไปจากผลการประเมินในปีล่าสุด
สำหรับสุดยอดหุ้นปันผลในช่วง 3 ปี ได้แก่ TVO ให้อัตราผลตอบแทนถึง 9.57% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2560 ส่วน KGI เป็นหุ้นปันผลอันดับ 2 อัตราผลตอบแทน 9.18% ทั้งนี้ KGI ยังเป็นหุ้นปันผลโดดเด่นในรอบ 5 และ 7 ปี ด้วย ตามด้วย BROOK ให้อัตราผลตอบแทนปันผลสูงสมํ่าเสมอ 9.09% บริษัท TPCORP ให้เงินปันผลตอบแทน 8.85% UPF แจกปันผล 8.82% UPF อัตราผลตอบแทน 8.82% GC ให้ปันผล 8.08% INTUCH ให้ผลตอบแทน 8% LHK ให้เงินปันผล 7.83% ASP ผลตอบแทนปันผล 7.79% และ MFC ให้ผลตอบแทน 7.69%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,315 วันที่ 19 - 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560