สัมภาษณ์
ท่ามกลางความผันผวนของตลาดทุนและการแสวงหาผลตอบแทน ที่มีทั้งการมาด้วยหนทางที่ดีและมาด้วยวิธี ที่ไม่โปร่งใส ทำให้หน่วยงานกำกับอย่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จึงเป็นด่านสำคัญในการตรวจสอบ ซึ่งหลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2562 และนำเสนอแผนงานต่างๆ ต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต.แล้ว ล่าสุด “นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล” เลขาธิการ ก.ล.ต. คนล่าสุด ได้เปิดบ้านก.ล.ต. เพื่อเปิดแผนนโยบายในการขับเคลื่อนตลาดทุนและก.ล.ต.ในระยะต่อไป
“นางสาวรื่นวดี”เปิดเผยว่า หลักการทำงานที่ยึดปฏิบัติ ประกอบด้วย 4 ร. รุก เร็ว รอบคอบ และร่วมมือ เริ่มที่ข้อแรก รุก คือ ทำงานเชิงรุก เนื่องจากปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ดังนั้นต้องตามให้ทัน, เร็ว คือ ทำงานแบบรวดเร็ว เพื่อสอดรับการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ, รอบคอบ คือ ทำงานแบบมีคุณภาพ และร่วมมือ คือ การทำงานร่วมกับทุกฝ่าย ไม่ได้ทำเพียงคนเดียว
รื่นวดี สุวรรณมงคล
ขณะที่กรอบและทิศทางการทำงานนั้น จะสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งเข้าข่ายยุทธ ศาสตร์ชาติข้อ 2 คือ การสร้างความสามารถในการแข่งขัน ครอบคลุมการสร้างโอกาสให้เข้าถึงบริการทางการเงิน และสร้างโอกาสเข้าถึงตลาดทุน ด้านแผนพัฒนาตลาดทุนปี 2560-2564 นั้น ก.ล.ต. ได้ดำเนินมาแล้วครึ่งทาง โดยสิ่งที่จะทำต่อไปคือ ดำเนินการสิ่งที่อยู่ในความดูแลของ ก.ล.ต. รวมถึงสานงานต่อเพื่อให้เกิดผลอย่างรวดเร็ว และจะดำเนินการให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ฉบับที่ 6 ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2562 และพัฒนาไปสู่ความยั่งยืน
นอกจากนี้ แผนการเดินหน้าของ ก.ล.ต. จะพัฒนาควบคู่กับการคุ้มครองผู้ลงทุนที่ยกระดับให้มีความเข้มแข็ง โดยได้เปิดช่องทางรับข้อเสนอแนะและเรื่องร้องเรียนโดยตรงผ่านช่องทางอี-เมล์ส่วนตัว [email protected] หรือโทร.ผ่านคอลล์เซ็นเตอร์ 1207 ได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังสร้างความร่วมมือกับสมาคมส่งเสริมการลงทุนไทยและสภาทนายความให้เกิดความร่วมมือระหว่างกัน จะช่วยส่งเสริมความรู้และคุ้มครองผู้ลงทุนไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ก.ล.ต.อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะตั้งกองทุนคุ้มครองผู้ลงทุน คาดว่าจะใช้เวลาศึกษาประมาณ 3-6 เดือนถึงจะได้ข้อสรุป เบื้องต้นกองทุนดังกล่าวคล้ายกับที่ต่างประเทศ โดยมีหน้าที่ดูแลและเยียวยานักลงทุนที่ได้รับผลกระทบจากการลงทุนทุกประเภท รวมทั้งทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกำกับหลักทรัพย์ เพื่อยกระดับการคุ้มครองผู้ลงทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้ ถือเป็นอีกหนึ่งในแผนงานที่สำคัญ
ที่สำคัญเพื่อให้เข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น จึงได้จัดตั้งคาราวาน ก.ล.ต. นำร่องที่จังหวัดขอนแก่นเป็นจังหวัดแรก เพื่อเดินสายให้ข้อมูลความรู้และปรึกษาการลงทุนระยะปานกลางและระยะยาว รวมทั้งส่งเสริมการออมให้กับประชาชนในต่างจังหวัด เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยมีประชากร 70 ล้านคน แต่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเพียง 1.5-1.6 ล้านบัญชีเท่านั้น ส่วนลงทุนในกองทุนรวมอยู่ที่ 1.5 ล้านราย หรือคิดเป็น 6 ล้านบัญชี ทำให้ต้องลงพื้นที่เพื่อให้ข้อมูลการลงทุนเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันได้เตรียมแก้กฎเกณฑ์การเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) รองรับให้ธุรกิจเอสเอ็มอี เข้ามาใช้ตลาดทุนเพื่อเข้ามาระดม ทุนเนื่องจากเอสเอ็มอีมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจประเทศคิดเป็นสัดส่วนกว่า 40% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)
เป็นที่น่าจับตามองสำหรับการขับเคลื่อนก.ล.ต. ภายใต้การนำของเลขาฯคนใหม่ที่สำคัญเป็นผู้หญิงที่มากความสามารถ ทำให้จากนี้ตลาดทุนอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,478 วันที่ 13-15 มิถุนายน 2562