ธปท.ตั้งทีมศึกษา “ลิบรา” เกาะติด ดูความเสี่ยง-เสถียรภาพระบบ เผย เฟซบุ๊กโกลบอลจ่อเข้าพบ พร้อมเชิญผู้เกี่ยวข้องให้ข้อมูลเพิ่มเติม ย้ำทุกคนตื่นตัวพร้อมรับมือ ล่าสุด ประกาศจัดงาน Bangkok FinTech Fair 2019 วันที่ 18-19 ก.ค.นี้ คาดผู้เข้าชมงานกว่า 2 พันคน บูธ 68 องค์กร
นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและสายเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เปิดเผยว่า ธปท.ได้รับการติดต่อจากเฟซบุ๊กโกลบอล เพื่อขอเข้าพบคาดว่า ภายในเร็วๆนี้ รวมถึงธปท.ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ความรู้ความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับลิบรา ซึ่งลิบรา อาจจะมีความแตกต่างจาก Bitcoin เนื่องจาก ลิบรา เป็นสกุลเงินที่มีสินทรัพย์หนุนหลัง ทั้งพันธบัตรและเงินตราต่างประเทศ จึงมีค่าด้วยตัวเอง แต่ Bitcoin จะเหวี่ยงขึ้นลงตามความต้องการ หากในช่วงที่มีความต้องการสูง ราคาจะสูง หากความต้องการน้อย ราคาจะร่วงเร็ว ดังนั้นธปท.จะต้องติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ธปท.ได้ตั้งคณะทำงานศึกษาและติดตามพัฒนาการเรื่อง “ลิบรา” Libra สกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอร์เรนซี่ (Cryptocurrency) ของเฟซบุ๊กที่ประกาศเปิดตัว ไป ธปท.ไม่ได้นิ่งนอนใจ เนื่องจากลิบราไม่ได้เกี่ยวข้องเฉพาะเรื่องการชำระเงินเท่านั้น จึงตั้งคณะทำงาน โดยมีทั้งฝ่ายสถาบันการเงิน ฝ่ายชำระเงิน ฝ่ายดูแลเงินตราต่างประเทศ ฝ่ายกฎหมาย ซึ่งคณะทำงานจะต้องศึกษาและเข้าใจกลไกในส่วนต่างๆ ว่ามีจุดไหนที่มีความเสี่ยง เพราะมีหลายจุดและหลายมิติที่ต้องคำนึงถึง ทั้งความปลอดภัย ความมีเสถียรภาพของระบบ ช่องทางที่นำไปใช้โดยไม่สุจริต การดูแลผู้ใช้หรือผู้บริโภคหากมีปัญหา ช่องทางการติดต่อ ทั้งหมดจะต้องมองผลประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นที่ตั้ง
“ธปท.ไม่นิ่งนอนใจ และทุกประเทศก็ศึกษา เพราะทุกคนตื่นตัวหมดในเรื่องลิบรา ไม่ใช่เฉพาะผู้กำกับอย่างเดียว แต่ภาคเอกชน ผู้ให้บริการ ผู้ใช้บริการต่างตื่นตัวหลังจากเฟซบุ๊กประกาศเปิดตัว แต่เชื่อว่าเขาพยายามสร้างบริการที่ลด Pain Point ในเรื่องการโอนเงินและชำระเงินข้ามประเทศที่มีต้นทุนสูงและใช้เวลานาน เพราะมีตัวกลางหลายขั้นตอน ซึ่งลิบร้าจะมาช่วยแก้ไขตรงนี้ แต่เราต้องเข้าใจในทุกมิติ”
อย่างไรก็ตาม ช่วงวันที่ 18-19 กรกฎาคม 2562 ธปท.จะจัดงาน Bangkok FinTech Fair 2019 ภายหลังจากประสบความสำเร็จจากการจัดงานครั้งก่อนที่มีผู้เข้าชมกว่า 2,000 คน เกินเป้าหมายที่คาดไว้ 800-1,000 คน และบูธออกงานแสดงเทคโนโลยีกว่า 58 องค์กร ซึ่งในปีนี้จะมีองค์กรภาครัฐและเอกชน ทั้งธนาคารพาณิชย สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (Non Bank) ผู้ให้บริการชำระเงินที่จะมาร่วมออกงานกว่า 68 บูธ
ทั้งนี้ การจัดงาน Bangkok FinTech Fair 2019 เป็นความร่วมมือให้เกิดการสร้างนวัตกรรมร่วมกันกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งคงามร่วมมือเป็นปัจจัยสำคัญให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะตอบโจทย์ภาคประชาชน ผู้บริโภค ซึ่งจะได้ทั้ง Speed และ Scale โดยที่ผ่านมาธปท.ได้ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านในการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินผ่าน QR Code ซึ่งเป็น QR Code International ที่ทำร่วมกับสปป.ลาว และไทยกับสิงคโปร์ และอยู่ระหว่างขยายความร่วมมือกับ กัมพูชา และอินโดนีเซีย เป็นต้น ซึ่งการร่วมมืออาจจะต้องใช้เวลาเนื่องจากแต่ละประเทศมีกฎกติกา กฎหมาย สภาพแวดล้อมระบบการเงินไม่เหมือนกัน แต่ทุกประเทศทำเพื่อรองรับประชาชน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
●สะเทือน! วงการเงินโลก เฟซบุ๊คจับมือ 27 พันธมิตรเปิดตัว “ลิบรา” ทำธุรกรรมการเงินผ่านมือถือ
● ส.ส.สหรัฐฯ ออกโรงสกัดเฟซบุ๊ค คลอดเงินดิจิทัล
● ทั่วโลกจับตา “Libra” อนาคตของสกุลเงินโลก
● ก.ล.ต.ตีตรา‘ลิบรา’ งัดพรก.อุ้มเเบงก์
● คลังหวั่น‘ลิบรา’แจ้งเกิด รัฐเสียประโยชน์จัดเก็บภาษี