SVIเทนเดอร์  แตะ40%  มั่นใจคึกคักส่งท้าย

30 ต.ค. 2562 | 01:03 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ต.ค. 2562 | 08:03 น.

SVI แจ้งคืบหน้า Tender Offer เผยมีผู้แสดงความต้องการขายหุ้นแล้วเกือบ 40% มั่นใจช่วงไม่กี่วันสุดท้ายก่อนปิดการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ จะมีผู้ถือหุ้นที่แสดงความต้องการขายหุ้นเพิ่มขึ้น ด้านโบรกฯ ปรับลดประมาณการรายได้ปีนี้ลง 27-37%

นายพงษ์ศักดิ์ โล่ห์ทองคำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ในฐานะผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ บริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) (SVI) เปิดเผยว่า สิ้นสุดวันที่ 25 ตุลาคม 2562 มีผู้แสดงเจตนาขายหุ้น SVI แล้วเป็นจำนวน 160,335,765 หุ้น คิดเป็น 40% ของเงื่อนไขในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ (Tender Offer) ในครั้งนี้ ซึ่งมีเงื่อนไขจำนวนหุ้นขั้นตํ่า415,321,965 หุ้น โดยได้มอบหมายให้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนการรับซื้อหลักทรัพย์

อย่างไรก็ตาม ตัวแทนรับซื้อหลักทรัพย์ได้แจ้งว่า โดยปกติผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ จะเข้าทำรายการตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ในไม่กี่วันสุดท้ายก่อนปิดการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ เนื่องจากภายหลังที่ตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์แล้วจะไม่สามารถขายหุ้น SVI ในกระดานตลาดหลักทรัพย์ฯได้ ซึ่งการที่มีผู้ถือหุ้น SVI แสดงเจตนาขายหุ้นแล้วเกือบ 40% ของเงื่อนไขในการทำเทนเดอร์นั้น ถือว่ามีปริมาณค่อนข้างมาก และคาดว่าผู้ถือหุ้นจะแสดงเจตนาขายหุ้น SVI เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในช่วงก่อนปิดการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์

SVIเทนเดอร์  แตะ40%  มั่นใจคึกคักส่งท้าย

พงษ์ศักดิ์ โล่ห์ทองคำ

 

ค่อนข้างเป็นกังวล เนื่อง จากในช่วงที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่าการทำ Tender Offer จากผู้ถือหุ้น SVI ครั้งนี้ เป็นเพียงแค่ข่าวเพื่อทำราคาหุ้น SVI เท่านั้น ทำให้ผู้ถือหุ้นบางส่วนลังเลที่จะตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ เพราะคิดว่า Tender Offer จะไม่เกิดจริง จะเสียเวลาในการทำคำตอบรับคำเสนอซื้อไปเสียเปล่าๆ ส่วนตัวยืนยันว่ามีความพร้อมและตั้งใจทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์จากผู้ถือหุ้นทุกราย เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็นไม่ตํ่ากว่า 65% เพื่อการควบคุมการดำเนินงานของบริษัท ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ก็กลัวว่าหากไม่ได้หุ้นตามเงื่อนไขและต้องยกเลิกการทำ Tender Offer ครั้งนี้จริง ก็อาจส่งผลให้ราคาหุ้น SVI ลดลงไปต่ำกว่าในช่วงก่อนมีการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว

 

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ฯ (บล.) ระบุว่า จากกรณีผู้บริหารของ SVI ได้ประกาศแผนการซื้อหุ้นคืน ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน- 1 พฤศจิกายน 2562 นั้น มองว่าโอกาสเกิดได้ 2 แบบคือ การซื้อหุ้นคืนสำเร็จ ผู้บริหารจะต้องหาเงิน 2,000 - 5,700 ล้านบาท มาเพื่อเพิ่มการถือหุ้นเป็นขั้นตํ่า 65% โดยจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อภายใน 12 เดือน ซึ่งอาจจะมีโอกาสในการจ่ายปันผลพิเศษ เนื่องจาก SVI มีเงินสดในมือ 1,600 ล้านบาท และหลังจากนั้น 12 เดือน มีโอกาสที่ CEO จะขายหุ้นออกมาได้ ขณะที่หากการซื้อหุ้นคืนล้มเหลวจะทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงกลับที่เดิม และถูกกดดันต่อด้วยปัจจัยลบในช่วงครึ่งหลังของปี 2562

ทั้งนี้ จากอัตรากำไรที่ลดลงจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเป็น 30.80 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาส 3 ปี 2562 จากเดิมที่ 31.60 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาสก่อน ทำให้มีการปรับประมาณการผลประกอบการลง 27-37% ส่วนการเติบโตของยอดขายในปีนี้ลดลงเป็น 7.4-8% จากเดิมที่ 21-19% จากการเลื่อนคำสั่งซื้อ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยง คือ ค่าเงิน และผลของสงครามการค้าสหรัฐฯ กับจีน

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,518 วันที่ 31 ตุลาคม -2 พฤศจิกายน 2562

                       SVIเทนเดอร์  แตะ40%  มั่นใจคึกคักส่งท้าย