สัมภาษณ์
โชว์ผลงานรอบ 6 เดือนแรกของปีสวนกระแสเศรษฐกิจ ด้วยยอดขายและกำไรโตเป็น 2 หลักสำหรับบริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (บมจ.) JUBILE ล่าสุดบริษัทได้ปรับเป้าหมายรายได้ปีนี้ใหม่ เป็นโตไม่ตํ่ากว่า 10% จากเดิม 5-8% ชนิดไม่ต้องลุ้นด้วยยอดขายที่พีกในช่วงโค้งท้ายซึ่งจะเป็นแรงหนุนสำคัญ
นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JUBILE เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าปัจจัยที่ส่งเสริมการขายช่วงไตรมาส 4 นอกจากเป็นเทศกาลจับจ่าย JUBILE แล้ว ยังได้ลงทุน 35-40 ล้านบาท เปิดตัว “ยูบิลลี่ ไลน์เฟรนด์ คอลเลค ชั่น” เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงแรกจะมีสินค้าที่ออกมา 40 ดีไซน์ เน้นกลุ่มลูกค้ามิลเลนเนียล อายุระหว่าง 18-29 ปี ในราคาเริ่มต้น 2,900 -14,900 บาท จากเดิมที่ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 11,000 บาท ทำให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น
อัญรัตน์ พรประกฤต
“เราต้องการเพิ่มฐานมิลเลนเนียลให้มากขึ้น ทำให้คุ้นเคยกับแบรนด์เพชรของยูบิลลี่ และเติบโตไปพร้อมกันเพราะในระยะยาวลูกค้ากลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มสำคัญในอนาคต คาดว่า “ยูบิลลี่ ไลน์เฟรนด์ คอลเลคชั่น”จะเพิ่มฐานลูกค้าใหม่โต 10% จากลูกค้ารวมที่มี 160,000 ราย ซึ่งเดิมยอดขาย (sales contribution) มาจากฐานลูกค้าเก่าและใหม่ 70: 30 คาดจะเพิ่มเป็น 60: 40 ตามลำดับ”
นอกจากนี้ JUBILE ยังได้เปิดช่องทางขายผ่านอี-คอมเมิร์ซ สามารถช็อป “ยูบิลลี่ ไลน์เฟรนด์ คอลเล็ค ชั่น”ได้ที่www.jubileediamond.co.th ห้างสรรพสินค้า และ LAZADA ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ ต่อไปลูกค้าสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ของ JUBILE ผ่านออนไลน์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการจำหน่ายเพชรแท้ผ่านทางออนไลน์ พร้อมทั้งจะขยายสาขาเพิ่มที่ลาดกระบัง จากปัจจุบันมี 130 สาขา เป็นสาขาในกทม. 50 สาขา
นอกจากนี้บริษัทยังได้จัดแคมเปญมอบพริวิเลจพิเศษให้กับลูกค้า ในโอกาสครบรอบ 90 ปีของบริษัท อาทิ “The Greatest 10X” ที่ให้คะแนนลูกค้ามีค่าถึง10 เท่า ฯลฯ
“ปีนี้ถือว่าเป็นนิวไฮตั้งแต่บริษัทก่อตั้งมา 90 ปี ส่วนหนึ่งเพราะเรามีการปรับเปลี่ยนเรื่องการทำงาน การสร้างรูปแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความแตกต่าง ลูกค้ารับรู้ถึงความคุ้มค่า เช่น การออกแบบเพชร 90 เหลี่ยมเป็นที่แรกหรือการที่ลูกค้าซื้อเพชร นํ้าหนัก 19 สตางค์ ราคา 2-3 หมื่นบาท สามารถได้ใบ Certificate จากต่างประเทศ จากที่ทั่วไปต้องซื้อนํ้าหนัก 30 สตางค์ขึ้นไป หรือระดับราคา 4 หมื่นบาทอัพ ถึงจะได้ใบเซอร์”
นางสาวอัญรัตน์ กล่าวต่อว่าการที่เงินบาทแข็งค่าและมีแนวโน้มจะหลุด 30 บาทต่อดอลลาร์ ในฐานะที่บริษัท เป็นผู้นำเข้าทั้ง 100% ถือว่าเป็นประโยชน์กับบริษัท ทำให้ได้ต้นทุนราคาที่ถูกลงและส่วนหนึ่งมาจากการบริหารจัดการ ทั้งในเรื่องการสั่งซื้อวัตถุดิบ ซึ่งปีนี้บริษัทได้สั่งซื้อมากกว่าปกติ และความสามารถในการต่อรองราคา ส่งผลต่อกำไรขั้นต้น (GROSS PROFIT) ปีนี้ขยับเพิ่มขึ้น
สำหรับแผนปี 2563 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากการวางรากฐานมาเป็นอย่างดีในปีนี้ ยังดำเนินการต่อในปีหน้าทั้งเรื่องของผลิตภัณฑ์ เช่น เพชรนํ้าหนัก 19 สตางค์, เพชร 90 เหลี่ยม หรือการให้พริวิเลจ พอยต์สะสมเพิ่ม โดยจะเน้นการทำเรื่อง CRM สร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้ลูกค้ารู้สึกโดนใจ ขณะเดียวกันมีแผนจะขยายสาขาอีก 2-3 แห่ง ใช้งบลงทุนแห่งละ 8 -10 ล้านบาท
“JUBILE เติบโตจากการ คิดไม่เหมือนและคิดต่าง ทุกปีต้องมีอะไรที่เหนือยิ่งๆขึ้นไป ปีหน้าเป็นปีที่ 91 ก็ต้องเป็นเรื่องใหม่ ๆ และแน่นอนต้องพิเศษและเหนือกว่าปีนี้เช่นกัน” เธอกล่าวทิ้งท้าย
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย)ฯ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ได้ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 21.20 บาท (ราคาปิดเมื่อ 4 พ.ย. ยืนที่ 17.80 บาท) อิง P/E 15.6 เท่า สอดคล้องกับ EPS โตเฉลี่ย 3 ปีข้างหน้า หลังบริษัทรายงานกำไรสุทธิ 6 เดือนแรกโตแข็งแกร่ง มีกำไรถึง 119 ล้านบาท คิดเป็น 54% ของประมาณการกำไรทั้งปี และได้ปรับประมาณการกำไรปี 2562 ขึ้น 8% เป็น 237 ล้านบาท หรือขยายตัว 24% (YoY)
ทั้งนี้สิ่งที่บริษัททำได้ดีในปีนี้คือ แม้จะกระชับสาขาลง 1 แห่ง เหลือ 130 สาขา แต่ทว่าด้วยการทำการตลาด การใช้ข้อมูลบิ๊กดาต้าทำให้ยอดขายต่อสาขาเดิม ยังเติบโตได้ 4.47% และมีการทำกิจกรรมการตลาดและออกคอลเลกชันสม่ำเสมอ ทำให้รักษาฐานลูกค้าเดิมและสร้างกลุ่มใหม่ได้ในเวลาเดียวกัน คาดอัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 3/2562 จะดีดกลับมาปกติ 47% +/- จากกิจกรรมครบรอบ 90 ปีของร้าน
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,520 วันที่ 7-9 พฤศจิกายน 2562