กรมศุล เตรียมเปิดประมูลรถถูกยึดค้างสต๊อก จอดทิ้งกว่า 4 พันคัน ในปี 63 หลังเปิดประมูลไม่ได้ตั้งแต่ปี 60 เหตุขนส่งห่วงเป็นรถจดประกอบ
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมศุลกากร เผยว่า อีก 1-2 สัปดาห์ข้างหน้าจะมีการนัดหารือกับนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาการเปิดประมูลขายทอดตลาดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของกลางของกรมศุลกากร หลังจากที่ผ่านมาไม่ได้มีการเปิดประมูลมาตั้งแต่ปี 60 จนทำให้ปัจจุบันมีรถยนต์ที่จับกุมและจอดทิ้งไว้มากกว่า 4,000 คัน หากสามารถหาข้อสรุปได้ก็จะเร่งนำทยอยออกประมูลในปีงบ 63 โดยทันที
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรมไม่ได้เปิดประมูลรถยนต์มาร่วม 2 ปี เนื่องจากการประมูลเกิดปัญหาว่ารถบางคันที่ถูกประมูลไปไม่สามารถนำไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกได้ เนื่องจากกรมการขนส่งฯมองว่ารถดังกล่าวอาจเป็นรถจดประกอบ หรือมีการนำเข้ามาแบบไม่ถูกต้อง และอาศัยช่องทางการประมูลในการทำรถให้ถูกกฎหมาย เช่น ผู้นำเข้าอาจจะถอดอะไหล่บางชิ้นส่วนออกมา เพื่อไม่ให้รถใช้การได้ จึงทำให้ไม่มีคู่แข่งในการประมูล
“ขณะนี้เริ่มมีรถของกลางค้างเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหากเก็บไว้นานก็จะไม่ดีทำให้รถยนต์ของกลางอาจเสื่อมสภาพ กรมฯจึงต้องเร่งหารือกับกรมการขนส่งทางบก ให้ได้ข้อยุติ และมาตรวจสอบรถว่ามีคันไหนที่สามารถนำออกประมูลได้ คันไหนออกมาประมูลขายทอดตลาดไม่ได้ อาจจะนำมาประมูลเพื่อใช้สำหรับการส่งออก หรือแยกนำขายเป็นอะไหล่แทน รวมถึงนำไปบริจาคเพื่อใช้งานต่อไป ซึ่งหากได้ข้อสรุป ก็น่าจะนำออกประมูลได้ในปีนี้หลายรอบ ทำให้ปีงบประมาณ 63 กรมฯมีรายได้จากการประมูลรถช่วยให้จัดเก็บรายได้ได้ตามเป้าหมาย”นายกฤษฎา กล่าว
ด้านนายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร กล่าวว่า การเปิดประมูลขายทอดตลาดรถยนต์ของกรมศุลกากรจะต้องรอผลการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กรมการค้าต่างประเทศ ของกระทรวงพาณิชย์ และกรมการขนส่งทางบกก่อน เนื่องจากทางกรมการค้าต่างประเทศมีการออกกฎหมายห้ามการนำรถยนต์ใช้แล้วเข้ามาใช้ในราชอาณาจักร ส่วนกรมการขนส่งฯ ก็ไม่อนุญาตให้นำรถยนต์เข้ามาจดทะเบียนได้
ส่วนการแก้ปัญหาผู้ประมูลรถยนต์จากกรมศุลฯ ไปและไม่สามารถนำไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกได้นั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาในชั้นศาล เนื่องจากที่ผ่านมาหลังกรมฯเปิดประมูลจบก็ได้นำรายได้ส่งเข้าหลวงไปแล้ว จึงไม่สามารถจะนำเงินกลับมาคืนมาให้ผู้ประมูลได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้ออกประกาศกำหนดให้รถยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้าม หรือต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 10 ธ.ค.62 เป็นต้นไป โดยกำหนดให้รถยนต์นั่งที่ใช้แล้วเพื่อใช้เฉพาะตัวเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้า เพื่อป้องกันปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยบนท้องถนน รวมถึงต้องการแก้ไขปัญหาการหลบเลี่ยงมาตรการควบคุมและปรับลดขั้นตอนการทำงานเพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนตามนโยบายรัฐบาล
ขณะที่กรมการขนส่งทางบก ได้ประกาศบังคับใช้กฎกระทรวงงดรับจดทะเบียนรถที่ประกอบจากชิ้นส่วนของรถที่ใช้แล้วที่นำมาจากต่างประเทศ พ.ศ. 2556 โดยครอบคลุมทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (รถเก๋ง) รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน (รถตู้), รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (รถกระบะ) และรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล