โครงการ National Digital ID หรือ “NDID” เป็น 1 ในแพลตฟอร์มที่รองรับการพิสูจน์และยืนยันตัวตน ยกระดับของการทำความรู้จักลูกค้าผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-KYC (e-Know Your Customer) และ e-Concent สามารถใช้ข้อมูลข้ามธนาคารในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนแทนการทำธุรกรรม Over the Counter สามารถขยายให้รองรับ นิติบุคคล และชาวต่างชาติในอนาคต โดยเฉพาะการเชื่อมต่อกับสากล สร้างโอกาสทางการค้าระหว่างประเทศ
“Digital ID” สร้างเศรษฐกิจดิจิทัลโดยสามารถพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลโตระหว่าง 3-13% ของจีดีพี และจะส่งผลประโยชน์โดยตรงต่อประชาชน 65% ของจีดีพี
สำหรับบริษัท NDID เริ่มมีการทดสอบการเชื่อมต่อให้ใช้งานระบบในส่วนของการเปิดบัญชีออนไลน์ แบบ Non Face to Face โดยมีธนาคารนำร่อง 10 ธนาคาร พร้อมที่จะเตรียมเข้า Regulatory Sandbox ของธนาคารแห่งประเทศไทย และคาดว่าจะออกใช้บริการในวงกว้างต้นปี 2563 โดยจะขยายการให้บริการไปสู่การขอข้อมูลเครดิตบูโร ด้วยความร่วมมือของบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) ซึ่งจะช่วยเติมเต็มความมีประสิทธิภาพในการใช้งาน NDID Platform และยังมีผู้สนใจเข้าร่วมทดสอบกว่า 100 บริษัท
ประกอบด้วยธนาคาร สถาบันการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ฯ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต ประกันวินาศภัย บริษัทผู้ให้บริการเกี่ยวกับระบบชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ และอื่นๆ เพื่อยกระดับการยืนยันตัวตนของการเปิดบัญชีเพื่อทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง สำหรับขั้นตอนต่อไปจะเป็นการเชื่อมต่อการพิสูจน์และยืนยันตัวตนแก่ภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาคการเงิน การลงทุน ประกันภัย สาธารณสุข โทรคมนาคม การศึกษา ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนเข้าด้วยกัน
นอกจากประโยชน์ด้านการพิสูจน์ยืนยันตัวตนแล้ว ในอนาคตอันใกล้จะช่วยยกระดับด้านข้อมูลการพิจารณาสินเชื่อ เพราะเมื่อมีการยกระดับความน่าเชื่อถือของการทำ e-KYC ในระดับที่สูงขึ้นตามเกณฑ์มาตรฐานของธปท. (ที่ระดับ IAL2.3 และ AAL2.2) ผู้ให้สินเชื่อจะสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญจากบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติมากขึ้น เช่น ข้อมูลรายได้ รวมถึงข้อมูลด้านสาธารณูปโภค เช่นเดียวกับที่มีการให้บริการในประเทศพัฒนาแล้ว
หน้า1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3523 วันที่ 17-20 พฤศจิกายน 2562