นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)หรือ KTAM เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปี 2563 บริษัทตั้งเป้าหมายมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การจัดการ (AUM) เพิ่มขึ้นประมาณ 1 แสนล้านบาท หรือเติบโต 12% จากสิ้นปี 2562 อยู่ที่ 8.27 แสนล้านบาท ทั้งนี้ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมายังเติบโตต่อเนื่อง มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่ม 51,467 ล้านบาท หรือเติบโต 6.6% โดยบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดเป็นลำดับที่ 4 ของตลาดการลงทุน
กลยุทธ์ธุรกิจจะเน้นใน 3 ส่วน ได้แก่ 1.การให้ความสำคัญในการกระจายพอร์ตการลงทุนและการบริหารจัดการกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่(EM) ที่ KTAM มองว่ายังเป็นแหล่งลงทุนที่น่าสนใจ เห็นโอกาสในการเติบโตไปในเชิงบวก โดยในปี 2562 ที่ผ่านมาพบว่ากว่า 97% ของกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศของ KTAM มีการเติบโตเกือบทั้งหมด และส่วนใหญ่เติบโตระดับ 2 หลัก
“KTAM ยังคงเดินหน้ารุกผลิตภัณฑ์กองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ ซึ่ง KTAM ได้มีการคัดเลือกมาอย่างดีและกระจายไปหลาย Asset Class เพื่อรองรับการกระจายการลงทุนให้แก่ลูกค้า บริษัทมองว่าปีนี้ตลาดทุนทั่วโลกยังสร้างโอกาสได้พอสมควร หลังสถานการณ์สงครามการค้าได้คลี่คลายลง ขณะที่ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสจะเติบโตจากปี 2562 ที่แทบไม่โต (โต 1.02%) ทั้งจากกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.)ที่ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ดังนั้นดัชนีหุ้นไทยในบางช่วงน่าจะถึงระดับ 1700 จุดได้ โดยเฉพาะหลังรัฐผ่านพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย”
ไตรมาสแรกปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดจำหน่ายกองทุนควบประกันสุขภาพ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการยื่นขออนุมัติจัดตั้งกองทุนกับก.ล.ต. และยังมีแผนที่จะเปิดจำหน่ายกองทุนอื่นๆอีกมากมาย รวมถึงกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ที่จะทยอยออก 1-2 กองภายในกลางปีนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบ
2. ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย (KTB) โดยเฉพาะในด้านดิจิทัลแพลตฟอร์ม เพื่อให้บริการและนำเสนอผลิตภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นให้แก่ผู้ลงทุนทุกกลุ่มเป้าหมาย การร่วมมือกับพันธมิตรตัวแทนสนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนด้วย ซึ่งในปี 2562 ที่ผ่านมาธุรกรรมกองทุนของ KTAM ที่เกิดขึ้นผ่านแอพพลิเคชัน Next ของ KTB มียอดซื้อกว่า 14,000 ล้านบาท และธุรกรรมกองทุนของ KTAM ที่เกิดขึ้นผ่านแอพพลิเคชัน KTAM Smart Trade มียอดซื้อกว่า 8,000 ล้านบาท
3. พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อต่อยอดการให้บริการให้เป็น Best Investment Solutions เพิ่มความสะดวกแก่นักลงทุนผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อรองรับการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตของลูกค้า และเทรนด์ของนักลงทุนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน ซึ่งในปี 2562 ที่ผ่านมา KTAM ได้เปิดตัว LINE@ เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการหาความรู้ บทความและเนื้อหาที่น่าสนใจเกี่ยวกับการลงทุน ตอบสนองในการเป็นเพื่อนคู่คิด ที่ปรึกษา โดยมีผู้ติดตามมากถึง 235,625 ราย รวมถึง Facebook ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 180,000 ราย และสำหรับในปี 2563 นี้ KTAM จะมุ่งเน้นการนำเสนอคอนเทนต์ที่ง่ายและเข้าถึงผู้ลงทุน เพื่อให้คนเห็นความสำคัญของการออมผ่านกองทุนต่างๆ
ชวินดา หาญรัตนกูล
ทั้งนี้ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนและลูกค้าสัมพันธ์ของ KTAM ประเมินกรอบดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปีนี้ไว้ที่ 1700 จุด คาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนจะขยายตัว 6% และมีสัดส่วน P/E อยู่ที่ 18 เท่า จากปัจจัยบวกของภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว การลงทุนภาครัฐและการเบิกจ่ายงบประมาณใหม่ ผลดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่น่าจะดีขึ้น คาดเศรษฐกิจของไทยปีนี้จะขยายตัว 2.8% ดีขึ้นจากปีก่อนที่คาดขยายตัว 2.4% และมีโอกาสที่ กนง. จะลดดอกเบี้ยลงมาอยู่ระดับ 1.00% ในสิ้นปีนี้เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามได้แก่ ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่อาจปะทุขึ้นใหม่ การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ พัฒนาการของ Brexit ท่าทีของธนาคารกลางต่างๆ แรงกดดันจากค่าเงินบาทแข็งค่า รวมถึงผลจากการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานการบัญชี ฯลฯ
กลยุทธ์การลงทุนในตราสารทุนในประเทศในปี 2563 บริษัทเน้นลงทุนในหุ้นที่ได้รับผลดีจากแนวโน้มดอกเบี้ยตํ่า, หุ้นที่ได้รับผลดี จากการคลายความวิตกต่อ “สงครามการค้า”, หุ้นที่ราคาตํ่ากว่ามูลค่าพื้นฐานและปรับตัวลงมาแรง, หุ้นที่ได้รับผลดีจากการย้ายฐานการผลิต หรือหุ้นที่คาดผลประกอบการดีขึ้นในปีนี้
ในส่วนของการจัดพอร์ตการลงทุน KTAM ยังคงแนะนำให้ผู้ลงทุนกระจายความเสี่ยงไปในหลายสินทรัพย์และหลายภูมิภาค โดยในช่วงต้นปีเรายังคงมองว่าสินทรัพย์เสี่ยงน่าจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยอาจเน้นการลงทุนมาในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวที่ชัดกว่า และ Valuation ไม่ได้ “แพง” มาก รวมถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ยังมี พื้นฐานที่แข็งแกร่ง
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,542 วันที่ 23-25 มกราคม 2563