แนวโน้มดอกเบี้ยขาลง ทำให้ผลิตภัณฑ์เงินฝากระยะยาวที่จ่ายดอกเบี้ย"คงที่" กลับมาได้รับความสนใจจากผู้ออมอีกครั้ง ล่าสุดกระทรวงการคลัง เตรียมจะออกพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่น "เราไม่ทิ้งกัน" วงเงิน 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 รุ่น ดังนี้
รุ่นอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยต่อปี ปีที่ 1 ร้อยละ 2.00 ปีที่ 2-3 ร้อยละ 2.25 ปีที่ 4 ร้อยละ 2.50 ปีที่ 5 ร้อยละ 3.00
รุ่นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยต่อปี ปีที่ 1-3 ร้อยละ 2.50 ปีที่ 4-8 ร้อยละ 3.00 ปีที่ 9 ร้อยละ 3.50 ปีที่ 10 ร้อยละ 4.00 จ่ายดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง คือวันที่ 14 พ.ค.และวันที่ 14 พ.ย. ของทุกปีจนกว่าพันธบัตรจะครบกำหนดไถ่ถอน
โดยการเปิดขายแบ่งเป็น 3 ช่วง ช่วงที่ 1 วันที่ 14 -20 พ.ค. 2563 ขายให้กับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ( ผู้ที่เกิดก่อนหรือเกิดภายในปี 2503 ) ช่วงที่ 2 วันที่ 21- 27พ.ค. 2563 ขายให้กับประชาชนทั่วไป รวมถึงผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปที่เหลือจากช่วงแรก และช่วง 3 วันที่ 28 พ.ค.- 10 มิ.ย. 2563 ขายให้กับประชาชนทั่วไปรวมผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปและ"ผู้มีสิทธิ์ซื้อ " (บุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทย สภากาชาดไทย มูลนิธิ สมาคม สหกรณ์ วัด สถานศึกษาของรัฐ โรงพยาบาลรัฐ และ นิติบุคคลที่ไม่มีวัตถุประสงค์แสวงหากำไร )
จุดเด่น พันธบัตรออมทรัพย์ "เราไม่ทิ้งกัน"
จุดเด่นของพันธบัตรออมทรัพย์ "เราไม่ทิ้งกัน" นอกจากความเสี่ยงต่ำ เงินต้นไม่หายเนื่องจากกระทรวงการคลังเป็นผู้ออก ยังได้รับผลตอบแทนดีกว่าฝากออมทรัพย์หรือฝากประจำ ดอกเบี้ย เฉลี่ยอยู่ที่ 0.3-1.2% ต่อปี และโดยเฉพาะพันธบัตรออมทรัพย์ รุ่นเราไม่ทิ้งกัน อายุ 5 ปี ซึ่งให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.40% ต่อปี และรุ่นอายุ 10 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3.00% สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี และ 10 ปี ที่เฉลี่ยอยู่ 2.08% และ 2.54% ต่อปีตามลำดับ
อีกทั้งด้วยเงื่อนไขที่เปิดให้ซื้อต่อรายขั้นต่ำที่ 1,000 บาท และสูงสุด 2 ล้านบาทต่อธนาคาร จากธนาคารพาณิชย์ที่เป็นตัวแทนในการจำหน่าย 4 แห่งคือ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ดังนั้นต่อรายจึงสามารถซื้อได้สูงสุดถึง 8 ล้านบาท
นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่าความต้องการพันธบัตรในตลาดยังคงมีอยู่สูง และเชื่อว่าพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่น “เราไม่ทิ้งกัน”จะได้รับการตอบรับจากประชาชนจำนวนมาก ซึ่งหากความต้องการยังมีอยู่สูงก็อาจจะออกพันธบัตรในซีรี่ส์ที่ 2 ตามมา ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้เงินของรัฐ โดยสบน.จะบริหารจัดการหนี้อย่างเหมาะสม
อย่างไรก็ดีจากการตั้งข้อสังเกตุของ "ฐานเศรษฐกิจ" พบว่าความต้องการของพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่น “เราไม่ทิ้งกัน” ที่ออกมาในแต่ละรุ่น จะได้รับการตอบรับจากผู้ซื้อค่อนข้างสูง เพราะนอกจาก"ดอกเบี้ย"ที่สูงโดนใจ รัฐบาลยังมุ่งเป้าหมายคือกลุ่มผู้เกษียณอายุ ที่เป็นกลุ่มเงินเย็น จึงมักจำหน่ายหมดก่อนสิ้นสุดการขายในช่วงแรก ดังจะเห็นการออกในรุ่น"สุขกันเถอะเรา" หรือในปีงบประมาณ 2559-2562 ทำให้ไม่ตกถึงมือประชาชนทั่วไป
ประกอบกับกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ทำให้ผู้ที่เคยลงทุนใน"หุ้นกู้" หนีความเสี่ยง จากการที่บริษัทผู้ออก ประสบปัญหาสภาพคล่อง เบี้ยวการชำระหนี้ จึงหันมาลงทุนใน พันธบัตรออมทรัพย์และฝากธนาคารแทนมากขึ้น
กระนั้นก็ดี การลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์ ก็ใช่จะไม่มีความเสี่ยงเลย ความเสี่ยงใน 3 ด้าน คือ
1.ด้านอัตราดอกเบี้ย ในกรณีที่อัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวสูงขึ้น ก็จะเสียโอกาสไม่ได้รับการปรับดอกเบี้ยขึ้นตาม
2.ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง พันธบัตรออมทรัพย์มีกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน ต้องถือให้ครบตามสัญญาจึงจะได้เงินคืน
3. ความเสี่ยงด้านสภาวะเงินเฟ้อ ในกรณีที่ค่าเงินเฟ้อสูงขึ้นมาก ๆ แต่ดอกเบี้ยจากพันธบัตรออมทรัพย์ยังเท่าเดิม ก็จะไม่เกิดความคุ้มค่าในการลงทุน
เทียบดอกเบี้ย"เงินฝากปลอดภาษี" ใครจูงใจกว่า
ดังนั้นนักลงทุนที่พลาดจากการซื้อพันธบัตรออมทรัพย์รุ่น "เราไม่ทิ้งกัน" ยังมีทางเลือกออมอื่น อาทิเงินฝากประจำปลอดภาษี หากเทียบผลตอบแทนพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษ รุ่นเราไม่ทิ้งกัน อายุ 5 ปี ให้ดอกเบี้ยคงที่ 2.4% ต่อปี แต่หักภาษี 15%ของรายได้ดอกเบี้ยแล้วจะเหลือ 2.04%
เช่นเดียวกับอายุ 10 ปี ดอกเบี้ยคงที่ 3.00% ต่อปี หลังหักภาษี 15% แล้วผลตอบแทนจะเหลือ 2.55%
หากเทียบเงินฝากปลอดภาษี หลายแห่งเวลานี้เสนอดอกเบี้ยที่สูงโดนใจไม่แพ้กัน อาทิ ธนาคารไทยเครดิต ฝากปลอดภาษี 24 เดือนและ 36 เดือน จ่ายดอกเบี้ยคงที่ 2.60%ต่อปี และ 2.85% ต่อปี ตามลำดับ ,ธนาคารไอซีบีซี(ไทย) ดอกเบี้ยคงที่ 2.55% ต่อปี และ 2.70 % ต่อปี สำหรับเงินฝากปลอดภาษี 24 เดือนและ 36 เดือนตามลำดับ ,ธ.ก.ส ฝากปลอดภาษี 24 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.50% ต่อปี (ตารางประกอบ)
โดยสรุป อัตราดอกเบี้ยเงินฝากปลอดภาษี เฉลี่ยปัจจุบันจะอยู่ที่ 1.50-2.85% ต่อปี
อย่างไรก็ดีข้อเสียของเงินฝากปลอดภาษี คือผู้ฝากจะเปิดได้เพียง 1 บัญชีเท่านั้น โดยเป็นการฝากเท่ากันทุกเดือน ขั้นต่ำ - สูงสุด สำหรับประเภท 24 เดือน คือ 1,000- 25,000 บาทต่อเดือน
กรณี 36 เดือน อยู่ที่ 1,000 - 16,500 บาท และกรณีฝาก 48 เดือน อยู่ที่ 1,000 - 12,500 บาท หรือรวมสูงสุดต้องไม่เกิน 6 แสนบาท และขาดการฝากได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ตลอดระยะเวลาการฝาก หากขาดตั้งแต่ครั้งที่ 3 เป็นต้นไป จะได้รับดอกเบี้ยในอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ตามประกาศของธนาคาร และต้องเสียภาษี 15% ของรายได้ดอกเบี้ย
นอกจากนี้ในกรณีธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยสูง ๆ แต่มีจำนวนสาขาน้อย อาจไม่คุ้มค่ากับต้นทุนในการเดินทางเมื่อเทียบกับผลตอบแทนดอกเบี้ยในธนาคารที่ให้น้อยกว่า และบางธนาคารอาจไม่สามารถผูกติดบัญชีออมทรัพย์เพื่อหักนำส่งเข้าบัญชีเงินฝากปลอดภาษีในแต่ละเดือนได้ ซึ่งผู้ฝากเองต้องใช้ดุลพินิจเลือกการออมเพื่อให้ได้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
รู้ก่อนซื้อ พันธบัตรรัฐบาล รุ่น “เราไม่ทิ้งกัน”
"พันธบัตรรัฐบาล" รุ่น "เราไม่ทิ้งกัน" เทียบผลตอบแทนดอกเบี้ยเงินฝาก
คลังออก พันธบัตรออมทรัพย์ “เราไม่ทิ้งกัน” 50,000 ล้าน