บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส คาด ช่วง 2 –3 สัปดาห์ข้างหน้า จะเห็นบทสรุปเรื่องผลกระทบจากโควิด-19 ยกที่ 1 ผ่านการประกาศตัวเลขผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ไตรมาส 2 ปี 2563 ซึ่งคาดว่า จะหดตัวรุนแรง ตาดว่าจะติดลบถึง 15% และตลาดจะเริ่มให้น้ำหนักกับการรายงานจีดีพี ไตรมาส 2 ซึ่งสภาพัฒน์จะประกาศ วันที่ 17 สิงหาคมนี้
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชียพลัส คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)ไตรมาส 2 ที่ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม(สศช.) หรือ สภาพัฒน์ จะประกาศในวันที่ 17 สิงหาคมนี้ จะติดลบ 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือติดลบ 18% จากไตรมาสก่อนหน้า อยู่ที่ 2.26 ล้านล้านบาท และมองว่า ไตรมาส 2 เป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ ก่อนจะหดตัวลดลงในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ที่ -8% และ -6.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันตามลำดับ ผลจากการ Reopen ธุรกิจและผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ จีดีพีไตรมาส2 ที่จะติดลบราว 15% YoY และมีโอกาสที่จะเกิด Downside ต่อประมาณการ GDP Growth ปี 2563 โดยล่าสุดกระทรวงการคลังออกมาปรับประมาณการจีดีพีเป็นติดลบ 8.5% จากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)คาดว่าจะติดลบ 8.1% และอีกสัญญาณหนึ่งคือประกาศของธนาคาร กสิกรไทย(KBANK) ที่ปิดโครงการซื้อคืนหุ้น โดยขายหุ้นที่ซื้อคืนในช่วงที่ผ่านมาออก
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยตีความว่า เป็นการเปิดโอกาสให้เกิดความคล่องตัวในการปรับโครงสร้างทุน เพื่อรองรับภาวะเศรษฐกิจที่เลวร้ายในอนาคต และน่าจะสร้างแรงกดดันให้เกิดการขายในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ได้อีกรอบหนึ่ง สถานการณ์แวดล้อมดังกล่าวบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอยู่ในภาวะที่ต้องการมาตรการฟื้นฟูที่รุนแรง และเร่งด่วน ซึ่งต้องฝากความหวังไว้กับรัฐมนตรีที่กำลังจะเข้ามาดูแลเศรษฐกิจ
“ในประเทศนอกจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ตลาดสบายใจช่วงสั้น หลังผ่านพ้น Case ทหารอียิปต์และปัจจุบันไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศ ซึ่งยังต้องติดตามและระวังหากเกิดขึ้น และคาดว่า SET index อาจเผชิญ Sentiment อย่างไรก็ตาม ASPS เชื่อว่า ตลาดจะเริ่มให้น้ำหนักกับการายงานตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ของสภาพัฒน์ในวันที่ 17 สิงหาคมนี้”
ที่มา: เอเซียพลัส