5 เรื่องต้องติดตามกับเศรษฐกิจโลกครึ่งปีหลัง

03 ส.ค. 2563 | 09:57 น.

ซิตี้แบงก์ เผยแนวโน้มเศรษฐกิจโลกครึ่งปีหลัง 2563 ย้ำ 5 เรื่องต้องติดตาม ช่วยนักลงทุนเตรียมความพร้อม และเป็นแนวทางกับอีก 2 ไตรมาสที่เหลือ

ซิตี้แบงก์ เผยแนวโน้ม เศรษฐกิจโลก ครึ่งปีหลัง 2563 เพื่อช่วยให้นักลงทุนเตรียมความพร้อมและเป็นแนวทาง สำหรับอีกระยะเวลาสองไตรมาสที่เหลือ โดยพบว่า มี 5 เรื่องที่น่ารู้ที่จะมาช่วยเสริมข้อมูลด้านการลงทุนไว้รับมือสถานการณ์เศรษฐกิจ

 

ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 จนมาถึงกลางปี 2563 โลกประสบความไม่แน่นอนต่างๆ ทั้งการแพร่ระบาดของ โควิด-19 และ สงครามการค้า ระหว่างสหรัฐฯ-จีน สถานการณ์เหล่านี้ ส่งผลให้เศรษฐกิจผันผวน จนเศรษฐกิจระดับภูมิภาคในพื้นที่ต่าง ๆ ก็พลอยผันผวน ชะลอตัวไปด้วย ทำให้เกิดอุปสรรคต่อการลงทุนทั่วโลก แต่นักลงทุนจะสามารถก้าวผ่านอุปสรรคนี้ไปได้ หากมีการวางแผนที่ดี

 

นายดอน จรรย์ศุภรินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคาร ซิตี้แบงก์ ประเทศไทยเปิดเผยว่า ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย ได้จัดงานสัมมนาออนไลน์ “2020 Mid-Year Annual Outlook” แถลงข้อมูลทิศทางเศรษฐกิจและการลงทุนครึ่งหลังปี 2563 พบว่ามี 5 เรื่องที่น่ารู้ที่จะมาช่วยเสริมข้อมูลด้านการลงทุนไว้รับมือสถานการณ์เศรษฐกิจ ประกอบไปด้วย

5 เรื่องต้องติดตามกับเศรษฐกิจโลกครึ่งปีหลัง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เอเชียพลัสคาด จีดีพีไตรมาส 2 ติดลบ 15% ประกาศจริง 17 ส.ค.นี้

SCBS ชี้ลดต้นทุนหนุนกำไรหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวฟื้นครึ่งหลัง

 

1.เศรษฐกิจโลกภาพรวมปี 63 หดตัว แต่จะค่อยๆ ฟื้นตัว  จากการวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกครึ่งหลังปี 63 อาจติดลบ 3.5% แต่จะค่อยๆ ฟื้นตัวกลับขึ้นมาเป็น 5.5% ในปี 64 ตามลำดับ แต่ตลาดการลงทุนทั่วโลกก็ยังต้องเผชิญความท้าทายสูง จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น ความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลก เช่น การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ความไม่แน่นอน ด้านภูมิศาสตร์การเมือง สงครามการค้าสหรัฐ-จีน รวมถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนตลอดปีที่ผ่านมา

 

2.ตัวเลขระดับภูมิภาคหลายแห่งจะกลับมาคึกคักคลายล็อกดาวน์  เช่น อัตราการว่างงานที่ลดลง ยอดการค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐอเมริกาในช่วงเดือนพฤษภาคม ซึ่งแม้การแพร่ระบาดยังไม่คลี่คลาย แต่ก็เริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจ ตลอดจนมาตรการด้านการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ(Fed)และรัฐบาลสหรัฐที่จะช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจของประเทศ

 

5 เรื่องต้องติดตามกับเศรษฐกิจโลกครึ่งปีหลัง

 

ขณะที่ดัชนีจีดีพียูโรโซนเองของครึ่งปีหลังก็มีแนวโน้มการฟื้นตัวในระยะประมาณ 2 ปี โดย ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้มาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจภูมิภาคในระยะยาว ตลอดจนจีดีพีของภูมิภาคเอเชียในปีนี้อาจโตขึ้น 0.5% โดยเฉพาะประเทศจีนที่คาดการเติบโตขึ้น 2.4% เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่เริ่มกลับมาคึกคัก แม้ประเทศจีนจะเป็นประเทศแรกที่เผชิญหน้ากับโควิด-19 ก็ตาม

3.ตลาดเกิดใหม่ในเอเชียยังคงเป็นดาวเด่น  นักวิเคราะห์ซิตี้คาดว่า หุ้นวัฎจักรจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มตลาดเกิดใหม่ภูมิภาคเอเชียพบว่า มีความน่าลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี สุขภาพและเทคโนโลยีดิจิทัลไลเซชั่น (Digitalization) ที่สามารถเติบโตในระยะยาวและทนทานต่อผลกระทบจาก โควิด-19 ได้ดีกว่ากลุ่มอุตสาหกรรมอื่น รวมถึงทองคำก็ยังเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ทโฟลิโอ

 

4.จับตาราคาน้ำมันและทองคำต่อเนื่อง โดยน้ำมันดิบยังมีอุปสงค์สวนกับอุปทานคาดว่าจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 42 และ 38 ดอลลาร์สหรัฐต่อบารร์เรล ตามลำดับ ส่วนทองคำยังเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1,600 -1,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และมีแนวโน้มว่ามูลค่าเฉลี่ยจะประมาณ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในปี 2564

 

5.สกุลเงินต่างประเทศยังคงมีความผันผวนสูง ผู้สนใจลงทุนในค่าเงินต้องคอยเฝ้าดูเป็นพิเศษ เพราะค่าเงินยังคงผันผวนสูง โดยเฉพาะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อาจอ่อนค่าลงในระยะกลางถึงระยะยาวในปีนี้ จากการขยายงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐฯ เพื่ออัดฉีดสภาพคล่อง ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา และสกุลเงินเยนเป็นสิ่งที่นักลงทุนมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในยามที่ตลาดหุ้นผันผวน ซึ่งสามารถช่วยเสริมความมั่นคงให้กับพอร์ตการลงทุน

 

อย่างไรก็ตามนักลงทุนก็ยังควรติดตามประเด็นสำคัญเกี่ยวกับสถานการณ์โลกอย่างใกล้ชิด เพื่อลดความเสี่ยงการลงทุนท่ามกลางเศรษฐกิจที่ผันผวนควบคู่กันไปด้วย