ทิสโก้เตือนอย่ารีบช้อนหุ้นเทคฯ ราคาจ่อร่วงต่ออีก 10%

08 มี.ค. 2564 | 05:29 น.
อัปเดตล่าสุด :08 มี.ค. 2564 | 12:38 น.

ธนาคารทิสโก้ เผยราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงตามคาด จาก 2 ปัจจัยเสี่ยงที่เคยแจ้งเตือนลูกค้าช่วงต้นเดือนก.พ. พร้อมเตือนอาจลงต่อได้อีก 10% ไม่ควรเข้าช้อนซื้อในช่วงนี้ แถมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จ่อพุ่งรับเศรษฐกิจเริ่มฟื้น 

 

8 มี.ค. 64 นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ธนาคารทิสโก้ได้เตือนลูกค้าให้ชะลอการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี เนื่องจากพบ 2 ปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ราคาหุ้นปรับลง คือ 1. มูลค่าหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นมาก และ 2. อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond yield) ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งก็เป็นไปตามคาดเพราะในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ราคาหุ้นเทคโนโลยีได้ปรับลงแรง โดย ณ วันที่ 3 มีนาคม 2564 ดัชนีหุ้น Nasdaq100 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นเทคโนโลยีปรับตัวลงประมาณ -8% จากจุดสูงสุด ณ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564

 

  ทิสโก้เตือนอย่ารีบช้อนหุ้นเทคฯ  ราคาจ่อร่วงต่ออีก 10%

และหากนับตั้งแต่ต้นปี ถึงวันที่ 3 มีนาคม 2564 หุ้นกลุ่ม FAANG ซึ่งเป็นหุ้นเทคโนโลยีที่มีมูลค่าตลาด (Market  capitalization) ขนาดใหญ่อย่าง Facebook ราคาหุ้นปรับลดลง - 6.5%, Apple ราคาหุ้นลดลง -8%, Amazon ราคาหุ้นลดลง -7% รวมถึงหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาสูงในปีที่แล้วอย่าง Tesla ราคาหุ้นก็ปรับลดลงถึง -7%

สำหรับภาพรวมการลงทุนต่อจากนี้ แม้ว่า Bond yield สหรัฐฯ จะเริ่มลดลงมาอยู่ 1.46% ในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ แต่ก็ยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกในไตรมาสที่ 2 ซึ่งศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) คาดว่า มีโอกาสที่ Bond yield สหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20-30 Basis Points (BPS) กลับไปอยู่ที่ 1.6-1.8% จากความคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น ซึ่งประเด็นนี้จะกดดันราคาหุ้นเทคโนโลยีให้ผันผวนมากกว่าหุ้นกลุ่มอื่นๆ เนื่องจากหุ้นเทคโนโลยีเป็นหุ้นเติบโต ทำให้มูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดจะโดนกระทบจากอัตราดอกเบี้ยมากที่สุด และมีโอกาสที่จะถูกนักลงทุนเทขายทำกำไรเปลี่ยนกลุ่มลงทุน ซึ่งธนาคารทิสโก้มองว่ามีโอกาสที่หุ้นเทคโนโลยีจะปรับตัวลงจากปัจจุบันอีกประมาณ 10% ดังนั้น จึงไม่แนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อตอนนี้

“หากพิจารณาอัตราส่วนยอดขายต่อราคาหุ้น  (Price/Sale หรือ P/S) ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่ใช้วัดมูลค่าของหุ้นว่าราคาปัจจุบันสูงกว่าปกติ (premium) หรือ ต่ำกว่าปกติ (discount) นั้น จะพบว่าอัตราส่วนยอดขายต่อราคาหุ้นล่วงหน้าของ ดัชนี Nasdaq100  และ S&P500  ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาจะอยู่ที่ประมาณ 1.6 เท่า แต่ในปัจจุบัน ณ วันที่ 3 มีนาคม 2564 ถึงแม้ตลาดหุ้น Nasdaq100 ปรับตัวลงประมาณ -8% จากจุดสูงสุด อัตราส่วนดังกล่าวยังอยู่ในระดับ 1.73 เท่า ซึ่งอาจหมายความว่าดัชนี Nasdaq100 และ ดัชนี S&P500 ยังมีโอกาสปรับตัวลดลง (Downside risk) อีกประมาณ 10% จึงแนะนำให้นักลงทุนอย่างเพิ่งรีบช้อนซื้อหุ้นเทคโนโลยีในตอนนี้” นายณัฐกฤติกล่าว