นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงโครงการ “ยิ่งใช้ ยิ่งได้” ซึ่งล่าสุดได้รับการอนุมัติในหลักการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 โดยหลักการเบื้องต้น กำหนดกลุ่มเป้าหมาย เป็นกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูง จำนวน 4 ล้านคน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายและการบริโภคภายในประเทศและสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยสามารถซื้อสินค้า อาหาร เครื่องดื่ม และบริการ ไม่รวมล็อตเตอรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำมันและก๊าซสำหรับยานพาหนะ บริการนำเที่ยว ที่พัก และตั๋วเครื่องบิน ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุน E-Voucher สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาท โดยแบ่งเป็น
ยอดใช้จ่าย 1 – 40,000 บาทแรก รับ E-Voucher 10% ของยอดชำระเงินที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 4,000 บาท
ยอดใช้จ่าย 40,001 – 60,000 บาท รับ E-Voucher 15% ของยอดเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 3,000 บาท
โดยยอดใช้จ่ายเพื่อคำนวณ E-Voucher จะอยู่ที่ไม่เกิน 5,000 บาทต่อวันต่อคน ดังนั้นหากต้องการได้รับ E-Voucher เต็มสิทธิ์ที่ 7,000 บาท จะต้องมียอดใช้จ่ายรวมไม่ต่ำกว่า 60,000 บาทต่อคน
“สาเหตุที่ต้องกระจายเม็ดเงินการซื้อสินค้าและบริการ เพื่อให้การใช้จ่ายไม่กระจุกตัวอยู่ที่ผู้ประกอบการรายใดรายหนึ่ง หรือ นำไปซื้อสินค้านำเข้าจนหมดซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าราคาสูง โดยหากมีผู้เข้าร่วมโครงการครบเป้าหมายและมีการใช้สิทธิ์จนเต็มวงเงินที่ตั้งไว้ คาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 268,000 ล้านบาท แต่ถ้ารวมโครงการอื่นทั้ง คนละครึ่ง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะทำให้ครึ่งปีหลังมีเงินหมุนเวียนถึง 4 แสนล้านบาท ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจปีนี้ให้โตเพิ่มได้อีก 1%” นางสาวกุลยา กล่าว
ทั้งนี้จะต้องลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com และต้องใช้จ่ายผ่านแอปฯ เป๋าตัง โดยจะต้องโอนเงินส่วนตัวเข้าแอปฯเป๋าตัง เพื่อใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการที่กำหนด และจะได้รับ E-Voucher กลับเข้ามาในแอปฯเป๋าตัง เพื่อนำไปใช้จ่ายต่อไป เบื้องต้นคาดว่าระยะเวลาการใช้จ่ายซื้อสินค้าจะอยู่ประมาณช่วงเดือน กรกฎาคม ถึง กันยายน 2564 และ E-Voucher จะได้รับในช่วงเดือนสิงหาคมเป็นต้นไปและใช้จ่ายได้ถึงธันวาคม 2564
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :