นายเสริมศักดิ์ วงศ์สิทธิโชค ผู้อำนวยการ ฝ่ายค้าตราสารการเงิน บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลยุทธ์การลงทุน “กองทุนรวม” ในช่วงภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัว BLS Top Funds แนะนำให้จัดพอร์ตในลักษณะผสมผสาน ระหว่าง “กองทุนหุ้นเติบโต” (Growth) และ “กองทุนหุ้นเน้นคุณค่า” (Value)
เน้นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก เพราะราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าหุ้นขนาดใหญ่ โดยให้เลือกกองทุนที่ลงทุนในบริษัทที่มีอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ หรือ ค่า P/E Ratio ต่ำ และมีอัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าตามบัญชี หรือ P/BV Ratio ไม่แพง ซึ่งเป็นวิธีการลงทุนในลักษณะเน้นคุณค่า หรือ Value Style
สำหรับกองทุนเด่น ในฝั่ง “กองทุนหุ้นเติบโต” แนะนำให้เลือกกองทุนที่ลงทุนใน กลุ่ม New Economy อย่างหุ้นกลุ่มนวัตกรรมด้านสุขภาพที่กำลังเป็น Mega Trend หรือ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เช่น กองทุนบีแคป เน็กซ์ เจน เฮลธ์ (BCAP-XHEALTH) กองทุนไอพีโอน้องใหม่ที่ลงทุนในธุรกิจด้านสุขภาพที่มีนวัตกรรมสมัยใหม่ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นกระจายความเสี่ยงของพอร์ตลงทุน ด้วยหลักทรัพย์กว่า 300 ตัว และไม่จำกัด การลงทุนเพียงกลุ่ม Health care เหมาะกับการลงทุนในระยะยาว
ส่วน “กองทุนหุ้นเน้นคุณค่า” แนะนำกองที่เน้นลงทุนใน “หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์” เพราะจะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่าง กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ฟันด์ (KT-FINANCE) ที่ลงทุนหุ้นกลุ่ม ผู้ให้บริการด้านการเงินทั่วโลก รวมถึงกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ขนาดกลางและเล็กที่มีการเติบโตของกำไรสม่ำเสมอ และราคาไม่สูงเกินไป เช่น กองทุนเปิด อเบอร์ดีน อเมริกัน โกรท-สมอลเลอร์ คอมพานี ฟันด์ (ABAGS)
ทั้งนี้ แม้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ยังคงเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ แต่ภาพรวมตลาดหุ้นทั่วโลกมีแนวโน้มเริ่มฟื้นตัวขึ้นชัดเจนในปีนี้ ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น หนุนให้ “ตลาดหุ้น” น่าลงทุน สะท้อนจากหลายปัจจัย เช่น 1.การกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 เริ่มเป็นไปตามเป้าหมาย ในหลายประเทศ ส่งผลให้อาจมีการเปิดเมืองในบางประเทศ
2.ดัชนี Purchasing Managers Index (PMI) ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้เป็นตัวบ่งชี้ภาวะทางเศรษฐกิจของภาคการผลิตและบริการในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ปรับตัวสูงขึ้นในเกือบทุกประเทศหลัก เช่น สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น 3.ตัวเลข GDP ในช่วงไตรมาส 1 ปี 64 ของสหรัฐฯ ขยายตัวสูงเกินคาดที่ระดับ 6.4%
4.รัฐบาลหลาย ๆ ประเทศ ยังใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ล่าสุด “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน อนุมัติงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 58.7 ล้านล้านบาท และธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ยังคงอัตราดอกเบี้ยและเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรสินทรัพย์ต่อไป และ5. มาตรการหลักของธนาคารกลางทั่วโลกยังคงนโยบายดอกเบี้ยระยะสั้นที่ต่ำ
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีข่าวดีสนับสนุนภาพรวมตลาดหุ้น แต่ก็ยังมีประเด็นที่นักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เช่น 1.การแพร่ระบาดระลอก 3 ของโควิด-19 ทั้งในยุโรปและไทย 2.การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอาจทำให้ Fed ตัดสินใจปรับบางมาตรการ เช่น ล่าสุด Fed ประกาศไม่ต่ออายุมาตรการผ่อนปรนที่อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ไม่ต้องนำพันธบัตรและเงินในบัญชีที่ฝากไว้กับ Fed มาคำนวณสัดส่วนทุน เพื่อรองรับความเสียหายที่อาจเกิดจากหนี้เสีย
3.การอัดฉีดเงินในระบบเศรษฐกิจ ทำให้คาดการณ์เงินเฟ้อสูงขึ้น สินค้าโภคภัณฑ์อย่าง “น้ำมัน” ทำราคา New High ในรอบ 1 ปี 4.อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นค่อนข้างเร็วจนกดดัน Valuation ของตลาดหุ้น และ 5.นโยบายการเงินของจีนเริ่มกลับมาเข้มงวดมากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: