นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด (GBS) เปิดเผยว่าประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตังลงในลักษณะ Sideway Down โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนตลาด ขณะที่แรงกดดันหลักยังถูกกดดันจากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ที่ปรับตัวสูงขึ้นและมีการพบคลัสเตอร์ใหม่ๆ ต่อเนื่อง เป็นความเสี่ยงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ โดยอาจทำให้ GDP ในช่วงไตรมาส 2/64 ต่ำกว่าไตรมาส 1/64 ที่สภาพัฒน์รายงานว่าลดลง 2.6% ปรับตัวดีขึ้นจากการลดลง 4.2% ในไตรมาส 4/63 และการที่ MSCI ปรับลดน้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นไทยลง 0.1% มีผล 27 พ.ค.คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,500-1,570 จุด
ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ยอดปล่อยกู้ล็อตใหม่สกุลเงินหยวนในเดือนเม.ย.อยู่ที่ระดับ1.47 ล้านล้านหยวน ลดลง 2.293 แสนล้านหยวนจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว หลังแบงก์ชาติชะลอกระตุ้นเศรษฐกิจ และคาดว่าธนาคารกลางจีนจะมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR อีกครั้ง รวมทั้งทางญี่ปุ่น และ อียูจะมีการรายงานตัวเลข GDP ในไตรมาส 1/2564 และตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ ส่วนสหรัฐจะมีการเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนเม.ย. และตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ รวมทั้งการเปิดเผยผลการประชุม 27-28 เม.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ทั้งนี้ แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการผ่อนคลายให้กับร้านอาหาร เช่น ZEN - M และ AU รวมทั้งหุ้นที่เข้าคำนวณ MSCI Global Standard ได้แก่ CBG, SCGP หุ้นที่เข้าคำนวณ MSCI Global Small Cap ได้แก่ ACE, PSL, RCL, SCCC, SINGER, SYNEX, TTA และ TOA ซึ่งจะมีผลในวันที่27 พ.ค.นี้
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์นี้ว่า จากความผันผวนของราคาทองคำฝ่ายวิจัยประมาณกรอบทองคำในสัปดาห์นี้ที่ 1,800-1,860 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยแนะนำให้กลับมาเล่นฝั่ง Long เนื่องจากในทางเทคนิคราคาทองคำสามารถผ่านแนวต้านที่ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ขึ้นมาได้ อีกทั้งทองคำตอบสนองต่อข่าวร้ายลดลง แต่ตอบสนองต่อข่าวดีเพิ่มขึ้นเป็นสัญญาณของการกลับตัวเพิ่มเติม