ดาวโจนส์ปิดลบ 299.17 จุด หุ้นเทคโนโลยีร่วงหนักกดดันตลาด

17 ก.ค. 2564 | 00:40 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ก.ค. 2564 | 07:49 น.

ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 34,687.85 จุด ลดลง 299.17 จุด หรือ -0.86% จากแรงกดดันของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วงลง ด้านดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบเช่นกัน ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตา และผลกระทบทางเศรษฐกิจ  

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 ก.ค.) โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วงลง อาทิ หุ้นแอมะซอน และหุ้นกูเกิล ขณะที่นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาเพิ่มขึ้นในสหรัฐ

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,687.85 จุด ลดลง 299.17 จุด หรือ -0.86%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,327.16 จุด ลดลง 32.87 จุด หรือ -0.75% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,427.24 จุด ลดลง 115.90 จุด หรือ -0.80%

 

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 0.5%,ดัชนี S&P500 ติดลบ 1% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 1.9%

 

หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดตลาดในแดนลบ นำโดยกลุ่มพลังงาน ซึ่งร่วงลง 2.77% ขณะที่หุ้นบวกนำโดยกลุ่มสาธารณูปโภค ซึ่งปรับตัวขึ้น 0.99%

 

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (15 ก.ค.) ลอสแองเจลีสเคาน์ตี้เปิดเผยว่า จะบังคับใช้คำสั่งสวมหน้ากากอนามัยอีกครั้งในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ขณะที่ในวันศุกร์ (16 ก.ค.)  เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐเพิ่มขึ้น 70% ในสัปดาห์ก่อน และจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 26%

 

หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป และหุ้นนอร์วีเจียน ครุยส์ ไลน์ ซึ่งเป็นธุรกิจเดินเรือสำราญร่วงลงอย่างหนัก 4.71% และ 5.32% ตามลำดับ ส่วนหุ้นแอมะซอน, แอปเปิล และเอ็นวิเดีย ร่วงลง 1.59%, 1.41% และ 4.25% ตามลำดับ และถ่วงดัชนี S&P500 และ Nasdaq ลงมากที่สุด โดยดัชนี S&P500 กลุ่มเทคโนโลยี ร่วงลงเป็นวันที่ 2 หลังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันพุธ

 

ดัชนี S&P500 หุ้นกลุ่มพลังงาน ปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และคาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน

 

หุ้นตีตี โกลบอล อิงค์ ร่วงลง 3.16% หลังจีนส่งเจ้าหน้าที่รัฐจากอย่างน้อย 7 หน่วยงานไปยังบริษัทตีตี โกลบอลเพื่อทำการตรวจสอบด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ แต่หุ้นโมเดอร์นา พุ่งขึ้น 10.3% สวนทางตลาดโดยรวม ขานรับข่าวที่ว่า หุ้นของบริษัทจะถูกรวมในการคำนวณดัชนี S&P500 ในวันที่ 21 ก.ค.นี้ แทนหุ้นอเล็กเซียน ฟาร์มาซูติคอลส์

 

สำหรับการเปิดเผยยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นเกินคาดของสหรัฐนั้นไม่ได้ช่วยหนุนตลาด โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ยอดค้าปลีก เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าอาจลดลง 0.4% หลังจากดิ่งลง 1.7% ในเดือนพ.ค. ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนมิ.ย. หลังจากลดลง 1.4% ในเดือนพ.ค.

 

อย่างไรก็ตาม ตลาดถูกกดดันจากผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่บ่งชี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 80.8 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. จากระดับ 85.5 ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 86.5 โดยดัชนีปรับตัวลง ขณะที่ผู้บริโภคมีความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น

 

ในสัปดาห์หน้า บรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทเน็ตฟลิกซ์, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, เวอไรซอน คอมมิวนิเคชันส์, เอทีแอนด์ที และอินเทล