นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 20 ก.ค. 2564 อนุมัติการเปลี่ยนแปลงโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ในส่วนของการปรับลดจำนวนกลุ่มเป้าหมายของโครงการลง จากเดิมไม่เกิน 4 ล้านคน เป็น ไม่เกิน 1.4 ล้านคน ซึ่งจะทำให้กรอบวงเงินโครงการลดลงจาก 28,000 ล้านบาท เป็น 9,800 ล้านบาท หรือลดลงประมาณ 18,200 ล้านบาท นั้น โดยวงเงินส่วนต่างที่เหลือดังกล่าวจะถูกดึงคืนให้กับ พ.ร.ก. เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในโครงการใหม่อื่นๆ ต่อไป
“เงินส่วนต่างที่เหลือจะถูดดึงกลับเข้า พ.ร.ก.เงินกู้ เพื่อใช้โครงการอื่นต่อไป โดยขณะนี้ยังไม่มีแผนนำเม็ดเงินดังกล่าวไปเพิ่มในวงเงินของมาตรการที่อยู่ระหว่างดำเนินโครงการ เช่น “คนละครึ่งเฟส3” ขณะเดียวกันยังไม่มีการกำหนดวันปิดรับลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ซึ่งผู้สนใจยังสามารถเข้าไปลงทะเบียนที่เว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com จนกว่าจะครบจำนวนที่ 1.4 ล้านสิทธิ” น.ส.กุลยา กล่าว
นอกจากนี้ ครม. ยังเห็นชอบปรับเงื่อนไขการใช้จ่ายในโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” คือ ขยายระยะเวลาการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าหรือรับบริการที่ได้รับการสนับสนุน e-Voucher จากเดิมระหว่าง 1 ก.ค.- 30 ก.ย.2564 เป็นตั้งแต่ 1 ก.ค.-30 พ.ย.2564 และ เพิ่มวงเงินใช้จ่ายสูงสุดที่จะนำมาคำนวณสิทธิ จากเดิมไม่เกิน 5,000 บาท/คน/วัน เป็น ไม่เกิน 10,000 บาท/คน/วัน ตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค.- 30 ก.ค.64 โดยจะไม่มีผลในการคำนวณคืน e-Voucher ย้อนหลัง ทั้งนี้ยังจำกัดวงเงินใช้จ่ายสูงสุดที่จะนำมาคำนวณสิทธิ e-Voucher ไม่เกิน 60,000 บาทต่อคน
โดยโฆษกกระทรวงการคลัง ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ณ วันที่ 19 กรกฎาคม 2564 โครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” มีผู้ได้รับสิทธิสะสมทั้งสิ้น 457,264 คน มีผู้ใช้สิทธิสะสม 51,873คน และมียอดใช้จ่ายสะสมรวมทั้งหมด 472 ล้านบาท โดยมีมูลค่าการใช้จ่ายสะสมที่นำมาคำนวณสิทธิ e-Voucher 431.8 ล้านบาท และคิดเป็นมูลค่าสะสม e-Voucher ทั้งสิ้นกว่า 43.7 ล้านบาท ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้จ่ายด้วย e-Voucher ในโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม - 31 ธันวาคม 2564 โดยสามารถตรวจสอบร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้ที่ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com