แบงก์รัฐ-เอกชน พักหนี้ 2 เดือน ธุรกิจที่ต้องปิดชั่วคราว เริ่มงวด ก.ค.นี้

15 ก.ค. 2564 | 07:45 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ก.ค. 2564 | 17:09 น.

อาคม เผย แบงก์รัฐ เอกชน ยกระดับมาตรการ พักชำระหนี้ เงินต้น-ดอกเบี้ย 2 เดือน ให้ผู้ประกอบการและรายย่อย ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 10 จังหวัด และ นอกพื้นที่ควบคุมแต่ต้องปิดกิจการจากมาตรการควบคุมการระบาดของภาครัฐ เริ่มงวด ก.ค. 64 นี้

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้ติดตามผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) และมาตรการควบคุมการระบาดของภาครัฐอย่างต่อเนื่องและได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อผลักดันมาตรการเพื่อลดภาระหนี้ของลูกหนี้ในช่วงที่มีการระบาดระลอกใหม่

 

ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้ร่วมกันออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ผู้ประกอบการ SMEs และลูกหนี้รายย่อย ดังนี้

 

1. กระทรวงการคลังและสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ โดยในช่วงที่ผ่านมา สถาบันการเงินเฉพาะกิจได้ให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ตามนโยบายกระทรวงการคลังมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการขยายระยะเวลาชำระหนี้และปรับโครงสร้างหนี้ให้แก่ลูกหนี้ออกไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ตามความสมัครใจ

 

แต่เนื่องจากสถานการณ์การระบาดมีความรุนแรงมากขึ้น สถาบันการเงินเฉพาะกิจจึงได้ยกระดับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้โดยออกมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้SMEs และรายย่อยเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 เดือน 

 

ให้กับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงทั่วประเทศ ซึ่งได้แก่ลูกหนี้ทั้งที่เป็นนายจ้างและลูกจ้างในสถานประกอบการในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 10 จังหวัดและนอกพื้นที่ควบคุมแต่ต้องปิดกิจการจากมาตรการควบคุมการระบาดของภาครัฐ เริ่มตั้งแต่งวดการชำระหนี้เดือนกรกฎาคม 2564 หรือเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป แล้วแต่กรณี

 

ทั้งนี้ สำหรับลูกหนี้ที่ยังเปิดกิจการได้แต่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการระบาดของภาครัฐจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ตามความจำเป็นและสอดคล้องกับสถานการณ์ของลูกหนี้

2. ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสมาคมธนาคารนานาชาติ ออกมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้SMEs และรายย่อยเป็นระยะเวลา 2 เดือน ให้กับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง

 

ซึ่งได้แก่ลูกหนี้ทั้งที่เป็นนายจ้างและลูกจ้างในสถานประกอบการทั้งในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 10 จังหวัดและนอกพื้นที่ควบคุมที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของภาครัฐเริ่มตั้งแต่งวดการชำระหนี้เดือนกรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป

 

สำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบโดยอ้อม ซึ่งได้แก่ลูกหนี้ที่ยังเปิดกิจการได้แต่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการระบาดของภาครัฐจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ตามความจำเป็นและสอดคล้องกับสถานการณ์ของลูกหนี้

ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ลูกหนี้ในช่วงระยะเวลาที่สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ยังมีความไม่แน่นอนสถาบันการเงินที่เข้าร่วมมาตรการจะไม่เรียกเก็บเงินต้นและดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมที่ค้างอยู่ทันทีเมื่อหมดระยะเวลาพักชำระหนี้

 

โดยลูกหนี้ที่สนใจสามารถติดต่อสถาบันการเงินผ่านช่องทางที่มีระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เพื่อลดโอกาสการระบาดของ COVID-19 เช่น แอพพลิเคชั่นบทโทรศัพท์มือถือ ศูนย์บริการลูกค้าของสถาบันการเงิน เป็นต้น ได้ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป

 

กระทรวงการคลังจะติดตามผลการดำเนินงานและประเมินประสิทธิภาพของมาตรการอย่างใกล้ชิด และพร้อมออกมาตรการช่วยเหลือด้านการเงินเพิ่มเติมตามความเหมาะสม โดยจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของลูกหนี้ เสถียรภาพระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นสำคัญ