นายอธิศ รุจิรวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส จำกัดผู้ให้บริการบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวันเปิดเผยว่า สภาวะตลาดในปัจจุบันที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดที่รุนแรงของโควิด-19 ส่งผลให้หลายธุรกิจ รวมถึงห้างสรรพสินค้า ไม่สามารถเปิดให้บริการผ่านช่องทางหน้าร้านได้ ซึ่งส่งผลต่อธุรกิจบัตรเครดิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน จึงต้องปรับกลยุทธ์กระตุ้นยอดใช้จ่ายผ่านบัตรแบบ omni channel เน้นทั้งช่องทางออนไลน์และหน้าร้าน ซึ่งจะเป็นการทำการตลาดแบบนิว นอร์มัล โดยเน้นสร้างสีสันผ่านแคมเปญการตลาดรูปแบบใหม่ ผ่านความร่วมมือพันธมิตรหลักเครือเซ็นทรัล ที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพสูง
ดังจะเห็นได้จากการเติบโตของยอดใช้จ่ายออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน แยกตามธุรกิจในเครือเซ็นทรัลในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 ธุรกิจที่มีการเติบโตสูงที่สุด ได้แก่ ท็อปส์ (+75%), เพาเวอร์บาย (+69%), JD (+55%) และ Central Online (+34%)
ดังนั้น เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมการใช้จ่ายผ่านบัตรทั่วเครือเซ็นทรัล ทั้งช่องทางออนไลน์และหน้าร้าน บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน จึงได้ออกแคมเปญการตลาดรูปแบบใหม่ “แรลลี่พิชิตดวง” ซึ่งเป็นกิจกรรม e-Loyalty Gamification ชวนสมาชิกบัตรสะสมอีแสตมป์คอลเล็คชั่นพิเศษ ที่ออกแบบโดยศิลปินแนวสตรีทชื่อดัง “Benzilla” ปริญญา ศิริสินสุข ผ่านแอปพลิเคชั่น UChoose
โดยสามารถรับอีแสตมป์ เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรไม่ว่าจะผ่านช่องทางออนไลน์ หรือหน้าร้านในเครือเซ็นทรัลที่ร่วมรายการตามเงื่อนไข โดยอีแสตมป์นี้สามารถแลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุดถึง 300 บาท ตั้งแต่ 1 สิงหาคม ถึง 30 กันยายน 2564 พร้อมชวนสมาชิกบัตรร่วมสนุกกับกิจกรรมผ่านเพจ Central The 1 Credit Card ใน Facebook เพื่อลุ้นรับหมวกแรลลี่ Limited Edition จาก T1 X Benzilla
“คาดว่า กิจกรรมการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดียดังกล่าว จะช่วยสร้างสีสันทางการตลาด และสร้างความผูกพันกับแบรนด์บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวันได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ต้องอยู่บ้านหรือทำงานจากที่บ้าน รวมทั้งช่วยกระตุ้นยอดใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ของบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวันให้เติบโตเพิ่มขึ้นอีกด้วย”นายอธิศกล่าว
นอกจากนั้น บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน ยังร่วมมือกับพันธมิตรในกลุ่มธุรกิจต่างๆ เช่น ช้อปออนไลน์ บริการส่งอาหาร เกมและความบันเทิงออนไลน์ จัดทำโปรโมชั่นต่างๆตลอดทั้งปี เพื่อกระตุ้นยอดใช้จ่ายผ่านบัตรอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าแคมเปญการตลาดรูปแบบใหม่ จะช่วยกระตุ้นยอดใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ให้เติบโต30% เทียบกับปี 2563 โดยตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ 12,000 ล้านบาทภายในปี 2564