มีผลแล้ว! "ภาษีอี-เซอร์วิส"กรมสรรพากร ที่จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)จากแพลตฟอร์มดิจิทัลหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างชาติ ตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ.2564 หรือ พ.ร.บ. e-Service (อี-เซอร์วิส) สำหรับแพลตฟอร์ม ที่มียอดขายเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีในอัตรา 7%ของราคาค่าบริการ โดยผู้ให้บริการจะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมชำระภาษีเป็นรายเดือนภายในวันที่ 23 ในเดือนถัดไป ดังนั้นภายในเดือนตุลาคมก็น่าจะทราบว่า วงเงินชำระภาษีของผู้ประกอบรายใดเป็นเท่าไร กรมสรรพากรคาดว่าจะมีรายได้ภาษี อี-เซอร์วิส ในปีงบประมาณ 2564 ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ภาษีอี- เซอร์วิส ได้มีการดำเนินการในขั้นตอนของกฎหมายมากกว่า 2 ปี จนได้รับการอนุมัติเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 ปัจจุบันมีผู้ประกอบการต่างประเทศลงทะเบียนเพื่อขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มบนเว็บไซต์ของกรมสรรพากรแล้วมากกว่า 50 ราย โดยไทยเป็นหนึ่งใน 60 กว่าประเทศทั่วโลกที่ได้เริ่มดำเนินการเก็บภาษีประเภทนี้
5 กลุ่มธุรกิจเข้าข่ายเสีย"ภาษีอี-เซอร์วิส"
ธุรกิจอี-เซอร์วิส ที่ต้องมาจดทะเบียนและดำเนินการทางภาษีภายใต้กฏหมายใหม่แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย
ทั้งนี้กรมสรรพากร ตั้งเป้าหมายจะมีผู้ประกอบการแพลตฟอร์มต่างชาติ เข้ามาลงทะเบียนเป็นผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม( VAT)ไม่น้อยกว่า 100 ราย จากปัจจุบันหลังเปิดให้ลงทะเบียนฯตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม ที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการเข้ามาลงทะเบียนแล้ว 51 ราย จาก 15 ประเทศ อาทิ เฟซบุ๊ก, กูเกิล, ไมโครซอฟท์, อเมซอน, แอร์บีเอ็นบี, แอปเปิล , ซูม, Digital-Ocean, Humble Bundle เน็ตฟลิกซ์, ดิสนีย์, Hubspot, Coda เป็นต้น