นายเกรียงไกร พัฒนาภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี ในฐานะรองโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า จากการที่บุหรี่ในประเทศปรับราคาสูงขึ้นและสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ผู้บริโภคส่วนหนึ่งจึงหันไปสูบบุหรี่ที่มีราคาถูกหรือยาเส้นม้วนเอง สำหรับในพื้นที่ภาคใต้ผู้บริโภคส่วนใหญ่หันไปสูบบุหรี่หนีภาษีหรือบุหรี่เถื่อนซึ่งมีราคาที่ถูกกว่า ส่งผลให้เกิดการลักลอบนำเข้าบุหรี่หนีภาษีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันมีเส้นทางการค้าบุหรี่หนีภาษีจากประเทศเพื่อนบ้านที่ติดต่อกับชายแดนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องผ่านทางด่านชายแดน เช่น สระแก้ว ปัตตานี จันทบุรี สตูล สงขลาและจังหวัดต่าง ๆ ที่เป็นศูนย์กลางทางการค้า
พร้อมย้ำ กรมสรรพสามิตให้ความสำคัญกับปัญหาการลักลอบนำเข้าบุหรี่หนีภาษีที่เกิดขึ้น จึงได้มีมาตรการป้องกันและปราบปรามบุหรี่หนีภาษี ดังนี้
1. จัดทำแผนประจำปี และแผนเฉพาะกิจในการปราบปรามบุหรี่ผิดกฎหมาย ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบปราบปรามบริเวณชายแดน
2. จัดตั้งศูนย์ปราบปรามสินค้าออนไลน์ เพื่อเฝ้าระวังและติดตามจับกุมผู้กระทำผิดและผู้ต้องสงสัยทางอินเตอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์
3. บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามบุหรี่หนีภาษี เช่น กรมศุลกากร ตำรวจ ทหาร เพื่อสกัดกั้นการลักลอบบุหรี่หนีภาษี
ซึ่งจากมาตรการดังกล่าว ทำให้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 กรมสรรพสามิตสามารถจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับสินค้าบุหรี่ผิดกฎหมายได้ทั้งสิ้น จำนวน 6,252 คดี ของกลางจำนวน 1,404,782 ซอง เปรียบเทียบปรับและประมาณการค่าปรับเป็นเงินรวม 1,248,452,588.22 บาท
โดยเป็นการจับกุมผู้กระทำผิดในเขตพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย จำนวน 1,792 คดี ของกลางจำนวน 815,981 ซอง เปรียบเทียบปรับและประมาณการค่าปรับเป็นเงินรวม 1,063,263,273.57 บาท ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตจะติดตาม ป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนอย่างเข้มงวด เพื่อสร้างความเป็นธรรมและความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริต