หุ้นพลังงานคึก รับราคานํ้ามันดิบโลกพุ่ง

21 ก.ย. 2564 | 09:40 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ก.ย. 2564 | 17:09 น.

ราคาน้ำมันดิบโลกพุ่ง ดันราคาหุ้นกลุ่มพลังงานคึกคัก หลังความต้องการใช้เพิ่มขึ้น และสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงมากกว่าที่คาด โบรกชี้เป็นสัญญาณกลุ่มพลังงานฟื้นตัว แนะถือโอกาสเข้าซื้อ

บริษัทจดทะเบียน (บจ.) กลุ่มพลังงาน ถือเป็นกลุ่มที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป)ใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จึงส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยด้วย

 

โดยเฉพาะเมื่อราคาน้ำมันดิบโลกมีการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยต่างๆที่เข้ามากระทบ อย่างช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ราคาน้ำมันลดลงตามความต้องการใช้ที่ลดลง และราคาหุ้นก็ดิ่งลงเช่นกัน แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ราคาก็ปรับขึ้นตาม

 

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP) รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มหลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 10 กันยายน 2564 ปรับลดลง 6.4 ล้านบาร์เรล สู่ 417.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2562 และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่า จะลดลงเพียง 3.5 ล้านบาร์เรล

นอกจากนั้น ยังได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้ที่มีแนวโน้มฟื้นตัว จากการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนตุลาคม 2564 และจะเติบโตอย่างต่อเนื่องหลังจากนี้ ขณะที่ปริมาณการกลั่นน้ำมันดิบของโรงกลั่นในจีนเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 13.74 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลง 2.2% จากปีก่อนหน้า และยังเป็นระดับต่ำที่สุดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563

 

รายงานข่าวจากตลท.เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานตั้งแต่ต้นปี ถึง 15 กันยายน 2564 เพิ่มขึ้น 1,282.02 จุด หรือ 5.62% ปรับขึ้นจากปี 2563 ที่ลดลง 2,277.13 จุด หรือ 9.08% และปี 2562 เพิ่มขึ้น 2,053.28 จุด หรือ 8.92% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบโลกล่าสุดปรับเพิ่มขึ้น โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 2.15 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปิดที่ 72.61 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบ BRENT เพิ่มขึ้น 1.86 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปิดที่ 75.46 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

  การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี

สำหรับราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานตั้งแต่วันที่ 1-15 กันยายน 2564 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) เพิ่มขึ้น 1.96%, บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)(TOP) เพิ่มขึ้น 2.01%, บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP) เพิ่มขึ้น 0.90%, บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) เพิ่มขึ้น 1.51% ส่วนบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (BCP), บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) ไม่มีการเปลี่ยนแปลง และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) ลดลง 4.13%

นายภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย พลัส จำกัดกล่าวว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity)ในช่วงสั้นปรับขึ้นเกือบยกแผง โดยปัจจัยหนุนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า 0.5% รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่มีปัจจัยหนุนจาก EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง และเพิ่มความต้องการใช้น้ำมัน ทำให้ราคา Commodity สำคัญ อาทิ แก๊สธรรมชาติ (Natural Gas) ปรับเพิ่มขึ้นทำนิวไฮ และราคาถ่านหินปรับขึ้น 1%

 

ด้านบล.ทิสโก้ จำกัดระบุว่า หุ้นกลุ่มพลังงานมีสัญญาณฟื้นตัวจากพัฒนาการที่ดีคือ พรีเมียมที่ลดลง โดยผู้ผลิตน้ำมันดิบในตะวันออกกลางได้ลดพรีเมียม สำหรับการส่งมอบในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นการลดพรีเมียมที่มากที่สุดตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 ขณะเดียวกัน การส่งออกจากจีนลดลงมากกว่า 40% และความต้องการน้ำมันเบนซินของสหรัฐในเดือนสิงหาคมสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีก่อน ส่วนคลังน้ำมันดิบนั้นอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี

 

บล.โนมูระ พัฒนสินระบุว่า กลุ่มพลังงานจะมีทิศทางที่ฟื้นตัว ฝั่งต้นน้ำได้ปัจจัยบวกจากการผลิตที่ลดลงชั่วคราวของสหรัฐ ทำให้ราคาน้ำมันดิบเพิ่มเล็กน้อย ส่วนฝั่งปิโตรเคมียังไม่ดีจาก Spread ผลิตภัณฑ์ปลายลดลง มาจาก oversupply และ ราคา feedstock เพิ่มขึ้น กดดันให้ลดลงในระดับใกล้เคียงกันทั้งสายโอเลฟินส์ อะโรเมติกส์ และโพลีเอสเตอร์(PET)

 

“มองว่า เป็นโอกาสซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน เพราะการลดลงหลักๆไม่ได้มาจาก core operation อีกทั้งยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว และส่งให้กำไรปกติโตต่อในปี 2565”

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,715 วันที่ 19 - 22 กันยายน พ.ศ. 2564