นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัดเปิดเผยว่า จากความชัดเจนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 และมีแนวทางผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจเพิ่มเติม ส่งผลให้มีกลุ่มหุ้นที่จะได้รับประโยชน์คือ กลุ่มโรงแรม คาดว่า จะเห็นผลบวกในช่วงไตรมาส 1 ปี 2565 ที่แม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามา ยังต้องขึ้นกับนโยบายของประเทศคู่ค้าว่า เอื้อให้เกิดการเดินทางมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะจีน แต่การมีไทม์ไลน์ที่ชัดเจนจะสร้างความเชื่อมั่นและการวางแผนเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อีกทั้งเร็วกว่าสมมติฐานที่มองไว้ว่า จะเกิดขึ้นช่วงครึ่งปีหลังปี 2565
ขณะที่กลุ่มค้าปลีกคาดว่า กลุ่มผู้ขายแอลกอฮอล์จะได้ประโยชน์เช่น ร้านสะดวกซื้อ รวมถึงหุ้นผู้นำธุรกิจค้าปลีก โดยมองว่า หุ้นบริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL) มีปัจจัยหนุน นำโดยจากการผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจที่เริ่มทยอยกลับมา หลังสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศดีขึ้น หากเริ่มยกเลิกเคอร์ฟิว กลับมาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศและเปิดประเทศ ในไตรมาส 4 อาจเห็นการหักล้างผลกระทบช่วงรอยต่อการปรับโครงสร้างธุรกิจค้าปลีกขยับ CPRD (Lotus’s) ไปอยู่ภายใต้ MAKRO ผ่านการแลกหุ้นกับผู้ถือหุ้นเดิม
ด้านบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า การเตรียมเปิดประเทศถือเป็นปัจจัยบวกที่เร่งการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวไทยสอดรับกับการเข้าสู่ไฮซีซั่นปลายปี หนุนเก็งกำไรในหุ้นกลุ่ม Reopening Play เช่น สนามบิน, โรงแรม, ค้าปลีก, ธนาคาร, สื่อสารและโรงพยาบาล
บล.ทิสโก้ จำกัด ระบุว่า การปรับแผนเปิดประเทศเชิงรุกแบบไม่ต้องกักตัวนี้ ถือเป็นความตั้งใจของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการเปิดประเทศภายใน 120 วัน หลังจากการฉีดวัคซีนมีความคืบหน้ามากขึ้นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้การแพร่ระบาดดีขึ้น ลดการสูญเสียชีวิตลง โดยมองเป็นผลดีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้
ทั้งนี้ คาดว่า ตลาดหุ้นไทยจะตอบสนองในทางบวก ดัชนีมีโอกาสแกว่งขึ้นทดสอบระดับ 1,650-1,660 จุด เป็นเป้าแรกและ 1,680-1,700 จุด เป็นเป้าถัดไป สำหรับหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์จาก Re-opening คือ กลุ่มการบิน, กลุ่มโรงแรม, กลุ่มขนส่ง, กลุ่มห้างฯ และร้านอาหาร, กลุ่มค้าปลีก, กลุ่มนิคม, กลุ่มสื่อ และกลุ่มโรงพยาบาล
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,722 วันที่ 14 - 16 ตุลาคม พ.ศ. 2564