เปิดพอร์ตครองหุ้น ของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทย

27 ต.ค. 2564 | 13:43 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ต.ค. 2564 | 20:49 น.

ฝ่ายวิจัย ตลท. เผย ณ สิ้นเดือน ส.ค. พบนักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นไทยรวมกว่า 5.09 ล้านล้าน สูงสุดในรอบ 3 ปี พบหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี มีการถือครองมากสุด ขณะที่นักลงทุนจากสหราชอาณาจักรมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด

ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยผลการศึกษาข้อมูลการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2564 ของบริษัทจดทะเบียนจำนวน 756 บริษัท ซึ่งมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมกว่า 18.7 ล้านล้านบาท หรือ 97.64% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด พบว่า ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2564 นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทยรวมกว่า 5.09 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 3 ปี เพิ่มขึ้น 35.5% จากปีก่อน ที่สำคัญจากการเพิ่มขึ้นของราคาหลักทรัพย์ และการถือครองหุ้นของบริษัทที่เข้าจดทะเบียนเข้าซื้อขายใหม่ โดยมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ คิดเป็น 27.16% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด

อุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มทรัพยากร มูลค่าถือครองหุ้นรวม 3.07 ล้านล้านบาท คิดเป็น 60.5% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ ขณะที่ “กลุ่มบริการ” ที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุดในปีก่อน ลดลงมาอยู่อันดับที่ 4 ในปีนี้

 

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

หมวดธุรกิจที่นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค (ENERG) 810,673 ล้านบาท รองลงมา คือ หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 794,750 ล้านบาท และหมวดธนาคาร (BANK) 706,615 ล้านบาท โดย 3 หมวดธุรกิจนี้มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 2.31 ล้านล้านบาท หรือ 45.6% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ 68.0% ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศเป็นการถือครองหุ้นที่อยู่ในองค์ประกอบของ MSCI Thailand Index ลดลงจากปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 72.6%

 

นักลงทุนต่างประเทศที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 10 สัญชาติแรกพบว่า 7 อันดับแรกเหมือนปีก่อน ขณะที่อันดับที่ 8 - 10 มีการเปลี่ยนแปลงจากปีก่อน นักลงทุนจากสหราชอาณาจักรมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง สวิสเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น มอริเชียส เคย์แมน ไอส์แลนด์ ไต้หวัน และบริติช เวอร์จิน ไอส์แลนด์