เปิดสถิติก.ล.ต.ไตรมาส 3 ปี 64 สั่งปรับคดีแพ่ง 20 ล้านบาท

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยข้อมูลสถิติสำคัญไตรมาส 3 ปี 2564 ว่า ในไตรมาส 3 ปี 2564 มีการบังคับใช้กฎหมายดำเนินคดีทางแพ่งจำนวน 1 คดี จำนวนผู้กระทำผิด 10 ราย รวมค่าปรับทางแพ่ง 19,813,648 บาท ชดใช้เงินเท่าผลประโยชน์ที่ได้รับ 13,802,647 บาท และชดใช้เงินค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ 422,711 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนไม่มีผู้กระทำผิดทางแพ่ง

อย่างไรก็ตาม มีผู้ไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) กำหนด โดยส่งฟ้องศาลแพ่ง 1 ราย จำนวนเงินที่ขอให้ศาลสั่ง 722,116 บาทด้านการดำเนินคดีอาญามีการเปรียบเทียบปรับ จำนวน 54 ข้อหา ผู้กระทำผิด 25 ราย และจำนวนเงินค่าปรับรวม 10,606,125 บาท ส่วนการกล่าวโทษมีจำนวน 3 คดี และมีผู้ถูกกล่าวโทษ 6 ราย

สำหรับการอนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์ประเภทตราสารทุนในไตรมาส 3 ปี 2564 มีจำนวนรวม 21 บริษัท แบ่งเป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) 17 บริษัท, การเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนทั่วไป (PO) 1 บริษัท และการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อบุคคลในวงจำกัด (PP) 3 บริษัทคิดเป็นมูลค่าการซื้อขายรวม 38,302 ล้านบาท แบ่งเป็น IPO จำนวน 9,761 ล้านบาท และการขายครั้งต่อไปที่ 28,541 ล้านบาท

ขณะที่ การเสนอขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 702,012 ล้านบาท แบ่งเป็น การเสนอขายในประเทศ มูลค่า636,386 ล้านบาท ได้แก่ ตราสารหนี้ระยะสั้น 303,913 ล้านบาท และตราสารหนี้ระยะยาว 332,473 ล้านบาท และการเสนอขายต่างประเทศ มูลค่า 65,626 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน การเสนอขายตราสารหนี้กลุ่มยั่งยืนมูลค่ารวม 47,000 ล้านบาท ได้แก่ ตราสารหนี้เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) 15,000 ล้านบาท, ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) มูลค่า 27,000 ล้านบาท และตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-linked Bond) มูลค่า 5,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ภาพรวมธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล มีศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) จำนวน 7 ราย, นายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) จำนวน 6 ราย, ผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล(Digital Asset Dealer) จำนวน 1 ราย และที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัล (Advisory Service) จำนวน 1 รายรวมถึงมีการเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (ICO) จำนวน 1 ราย มูลค่า 2,400 ล้านบาท