นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัดเปิดเผยว่า ช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(Fed) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายรอบใหม่นี้ อาจทำให้ตลาดตราสารหนี้ รวมทั้งตลาดหุ้นทั่วโลกเกิดความผันผวน จึงแนะนำให้ลูกค้าที่รับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก แต่ยังต้องการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ อาจพิจารณาเพิ่มน้ำหนักในกองทุนรวมผสมที่มีนโยบายกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ เพื่อกระจายความเสี่ยงและลดความผันผวนของพอร์ตลงทุนโดยรวม
สำหรับกองทุนรวมผสมของบลจ.ทิสโก้ที่มีความโดดเด่นในช่วงนี้ คือ กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล อินคัม พลัส ชนิดหน่วยลงทุน A (TGINC-A) และ กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล อินคัม พลัส ชนิดหน่วยลงทุน R (TGINC-R) ซึ่งล่าสุดหลังจากที่กองทุนมีอายุครบ 3 ปี กองทุนได้รับการจัดอันดับ 5 ดาว จาก Morningstars (ข้อมูลเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564)
ทั้งนี้ กองทุนเปิด TGINC-A และ TGINC-R กองทุนรวมผสม ความเสี่ยงระดับ 5 (ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง) มีนโยบายกระจายความเสี่ยงไปลงทุนในหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์หลายประเภท เช่น ตราสารหนี้ หุ้นต่างประเทศ รวมไปถึงกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และกองทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งในและต่างประเทศ ผ่านกองทุนรวมและ/หรืออีทีเอฟต่างประเทศอย่างน้อย 2 กองทุนในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก
เบื้องต้นกองทุนเปิด TGINC-A และ TGINC-R จะลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ต่างประเทศ 50% รองลงมาคือกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ 30% กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ 10% และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ 10% ส่วนกองทุนรวมตราสารหนี้ต่างประเทศที่บลจ.ทิสโก้เลือกจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสูง กระจายการลงทุนไปยังตราสารหนี้ทั่วโลกโดยเลือกลงทุนในตราสารหนี้มีมีอายุ (Duration) ไม่ยาวนัก
“จุดเด่นของกองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล อินคัม พลัสคือ เป็นกองทุนที่ครบเครื่องในกองทุนเดียว สามารถตอบโจทย์การลงทุนในช่วงที่ Fed กำลังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งอาจทำให้ตลาดหุ้นผันผวน ขณะเดียวกันเศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มฟื้นตัว เพราะกองทุนนี้ได้แบ่งสัดส่วนการลงทุนไปยังตราสารหนี้คุณภาพดีเพื่อช่วยลดความผันผวนของพอร์ต และยังลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ในต่างประเทศ รวมไปถึงกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และกองทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งในและต่างประเทศ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับพอร์ต”นายสาห์รัชกล่าว